โอ้บ๊ะเจ้าไทยได้ติดอันดับ2ของโลก
10. ว่ายน้ำกับปลาโลมาแสนรู้ ณ เมืองไคคูรา ประเทศนิวซีแลนด์
พูดถึงปลาโลมา แทบทุกคนคงจะนึกถึงความฉลาดและร่าเริงของมัน แต่กลับหาโอกาสที่สัมผัสใกล้ชิดยากมาก แต่ที่เมืองไคคูราซึ่งเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของนิวซีแลนด์มีทัวร์ที่จะพานักท่องเที่ยวไปว่ายน้ำใกล้ชิดกลับปลาโลมาท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อให้ได้สัมผัสความขี้เล่นและน่าเอ็นดูของเหล่าปลาโลมา
ราคาค่าทัวร์
ทัวร์ว่ายน้ำพร้อมกับปลาโลมา
- ผู้ใหญ่ 165 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
- เด็ก 150 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ทัวร์ชมปลาโลมา
- ผู้ใหญ่ 80 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
- เด็ก 40 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
9. EDGE OF SPACE ณ เมืองมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย
เช็คร่างกายให้พร้อมแล้วบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ความสูง 25 กิโลเมตร ลัดเลาะขอบอวกาศพร้อมกับเครื่องบินเจ๊ทที่ความสูง 25 กิโลเมตรพร้อมกับนักบินผู้ชำนาญ ท้องฟ้าทั้งหมดจะกลายเป็นสีดำแห่งความมืดที่ช่วยเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้แก่ชีวิต ราคาแห่งความหวาดเสียวนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของยานพาหนะ แพงสุดอยู่ที่ 900 USD ต่อเวลาครึ่งชั่วโมง
8. ว่ายน้ำใกล้ชิดกับปลาฉลาม ณ เกาะไดเออร์ ประเทศแอฟริกาใต้
หากการใกล้ชิดกับปลาโลมายังไม่ถึงใจ ขอแนะนำ "ปลาฉลามขาว" ที่นักท่องเที่ยวจะได้ดำน้ำลงไปในกรงเหล็กที่ภายนอกกรงล้อมรอบไปโดยฝูงปลาฉลามขาวที่กำลังหิวโหย (อึ๋ยยย) แม้จะมีกรงเหล็กเป็นกำบัง แต่แรงชาร์ทของปลาฉลามอาจเข้ากระแทกจนทำให้กรงเหล็กสั่นสะเทือนจนใจหายว้าบได้(ระวังเป็นลมในน้ำ - -") ซึ่งช่วงเวลาในรอบปีที่สามารถใกล้ชิดกับฝูงฉลามขาวได้ มีเพียงช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมเท่านั้น
7. ปีนสะพานเหนืออ่าวซิดนีย์ ณ เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
เวลา 3 ชั่วโมงกับการปีนบนสะพานเหนืออ่าวซิดนีย์ที่ถือว่าเป็นสะพานเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก
กับความสูง 134 เมตรเหนืออ่าวซิดนีย์ พร้อมกับทัศนียภาพที่สวยงามโดยเฉพาะโอเปราเฮาส์และตัวเมืองซิดนียร์
เป็นความหวาดเสียวแต่สวยงามถึงใจอีกรูปแบบที่ท้าทายผู้คนมากมายจากทั่วโลก ราคาสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 220 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และสำหรับเด็กอยู่ที่ 140 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
6. วิ่งสู้ฟัดกับวัวกระทิง ณ เมืองปามโปลนา ประเทศสเปน
ประเพณีการวิ่งแข่งและต่อสู้กับวัวกระทิงบนถนนแคบๆ กลายเป็นเสน่ห์ของเมืองปามโปลนา ซึ่งกลายเป็นประเพณีที่จัดต่อกันมายาวนานทุกวันที่ 7-14 ก.ค.ของปี โดยเริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้า หากใครสนใจอยากลงสนามนี้ต้องรีบไปลงทะเบียนก่อน 7 โมงครึ่ง เพราะถึงแม้จะดูหวาดเสียวท้าทายชีวิต แต่ก็มีผู้คนพร้อมจะเสี่ยงตายจำนวนไม่น้อย !!!
5. ล่องเรือแคนูในแม่น้ำซัมเบซี ระหว่างประเทศแซมเบียและซิมบับเว
หากการเล่นล่องแก่งมันธรรมดาไป ขอแนะนำการล่องเรือแคนูฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว(มาก) ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสัมผัสธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลายในทวีปแอฟริกานี้คือตั้งแต่เดือนก.ค.-ธ.ค. ของทุกปี
นักท่องเที่ยวสามารถเหมาเรือแคนูได้ทั้งวัน หากขึ้นที่ฝั่งประเทศแซมเบียราคาจะอยู่ที่ 130 USD แต่ถ้าเป็นฝรั่งซิมบับแวจะถูกลงมาหน่อยอยู่ที่ 110 USD ไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเก่ง ก็สามารถสัมผัสความเร้าใจท่ามกลางกระแสน้ำนี้ได้ไม่ยาก
4. พาราชูต (กระโดดเรือลากร่ม) ณ เมืองอคาปูลโก ประเทศเม็กซิโก
ต้นกำเนิดของพาราชูตเกิดขึ้นที่เมืองนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่การเล่นพาราชูตในเมืองนี้จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกผู้ที่รักทะเลและความสูง ที่จะทำให้ได้มองเห็นวิวของเมืองอคาปูลโก เขา เกาะ อ่าว ได้อย่างชัดเจนทุกมุมมอง เปิดให้เล่นได้ตลอดทั้งปียกเว้นช่วงวันหยุดในฤดูใบไม้ผลิ
3. ปีนหน้าผาหิน ณ อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่อันดับ 3 ของอเมริกา จึงไม่น่าแปลกใจที่ภายในจะมีความหวาดเสียวซ่อนอยู่จนถึงกับติดอันดับ 3 ของ 10 กิจกรรมที่หวาดเสียวที่สุดในโลก นั่นคือการปีนหน้าผาหินที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับนักปีนหน้าผา เพราะหน้าผานี้มีหินก้อนที่ใหญ่ยักษ์ แถมแต่ละก้อนยังอยู่ห่างกัน เพิ่มความยากเข้าไปอีกเท่าตัว ต้องใช้ความชำนาญในการปีนอย่างมาก เพราะหนึ่งก้าวที่พลาดสะดุดนั่นหมายถึงชีวิต !!
2. การโดยสารมอเตอร์ไซค์ ตุ๊กตุ๊ก และรถแทกซี่ ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
ตามถนนหนทางลองมองหาพี่วิน(มอเตอร์ไซค์)ที่สวมเสื้อกั๊กสีส้ม แล้วเขาผู้นั้นจะเป็นพาคุณไปซอกแซกตามตรอกซอกซอยต่างๆ รวมถึงถนนใหญ่ที่แม้รถจะติดแค่ไหน แต่เขาก็สามารถเลี้ยวลัดเลาะได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะไปถึงที่หมายช้า นอกจากนี้ยังมีรถตุ๊กตุ๊กที่วันดีคืนดีคนขับเกิดอยากซิ่งจนยกล้อหน้า เล่นเอาใจตุ้มๆ ต่อมๆ และรถแทกซี่ที่ขับเร็วไม่น้อยหน้ารถมอเตอร์ไซค์และรถตุ๊กตุ๊กอีกด้วย
1. "บิ๊กช็อต" ณ โรงแรม Stratosphere Las Vegas ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่หอคอยสูง 49 เมตรของโรงแรมมีเครื่องเล่นบิ๊กช็อตที่ได้ชื่อว่าหวาดเสียวที่สุดในโลก โดยเครื่องเล่นนี้สามารถเล่นได้รอบละ 16 คน บิ๊กช็อตที่มีความเร็ว 45 ไมล์ต่อชั่วโมงจะพาผู้เล่นทิ้งดิ่งจากยอดหอคอยลงมายังพื้นดินด้วยความเร็วเพียง 2 วินาที !! (ลองนึกภาพตาม) สำรวจหัวใจของตัวเองให้ดีว่าไม่มีโรคแทรกซ้อน เพราะความหวาดเสียวนี้คือที่ 1 ในโลกที่อาจทำให้หัวใจคุณหยุดเต้นได้ !
วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554
10 อันดับ ปริศนาของโลก
10 อันดับ ปริศนาของโลก
อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว
ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีตไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่ คนยุคปัจจุบัน(ไปดูอินเดียน่าก็ได้มีเหมือนกัน)
อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา
ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ดและนกกางปีกบนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเร ื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบินหรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่ง ขึ้น
อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึงสู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอย โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุปคำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจผู้คนจนถึงปัจจุบัน
อันดับ 7 : บพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์
คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงพระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์
พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึก เหมือ นเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกันและหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียงลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่โลกแห่งความจริงที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้
อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน
คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ ? คดีที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา ???
อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส
บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับ สัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้อง นี้แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคน ต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง
อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบเหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณนั ้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของ คร็อพ เซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจแค่นั้นเองก็ได้
อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน ? สร้างขึ้นได้อย่างไร ? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่ อ ค.ศ. 400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้น หาคำตอบต่อไป
อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกก ล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าส ะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แวว ของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดัง ทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้น มากมายหลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาว
หาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้วแต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร ?
ที่มา : www.soizaa.com
++ สาระ ความรู้ การเรียน การศึกษา แฟชั่นอินเทรนด์ คลิก!!!
อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว
ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีตไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่ คนยุคปัจจุบัน(ไปดูอินเดียน่าก็ได้มีเหมือนกัน)
อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา
ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ดและนกกางปีกบนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเร ื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบินหรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่ง ขึ้น
อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึงสู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอย โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุปคำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจผู้คนจนถึงปัจจุบัน
อันดับ 7 : บพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์
คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงพระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์
พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึก เหมือ นเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกันและหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียงลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่โลกแห่งความจริงที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้
อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน
คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ ? คดีที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา ???
อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส
บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับ สัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้อง นี้แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคน ต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง
อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบเหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณนั ้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของ คร็อพ เซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจแค่นั้นเองก็ได้
อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน ? สร้างขึ้นได้อย่างไร ? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่ อ ค.ศ. 400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้น หาคำตอบต่อไป
อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกก ล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าส ะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แวว ของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดัง ทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้น มากมายหลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาว
หาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้วแต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร ?
ที่มา : www.soizaa.com
++ สาระ ความรู้ การเรียน การศึกษา แฟชั่นอินเทรนด์ คลิก!!!
http://campus.sanook.com/
วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554
10 อับดับน้ำหอมกลิ่นยอดนิยม
10 อับดับน้ำหอมกลิ่นยอดนิยม (รวมผลิตภัณฑ์ น้ำหอม | Anna Sui | Burberry | Bvlgari | Cacharel | Calvin Klein | Carolina Herrera | Christian Dior | Clinique | DKNY | Davidoff | Elizabeth Arden | Escada | Estee Lauder | Giorgio Armani | Gucci | Issey Miyake | Jennifer Lopez | Jessica Parker | Kenzo | Lacoste | Lancome | Moschino | Narciso Rodriguez | Paul Smith | Ralph Lauren | Salvatore Ferragamo | Tommy | Versaceเครื่องสำอางค์ ,ผลิตภัณ์ต่อต้านริ้วรอย ,ผลิตภัณฑ์By SK-II) | |
1. Dior Addict 2 น้ำหอมกลิ่นใหม่ที่บรรจงสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนนิยามธรรมชาติแห่งหญิง อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นคุณ โปรยเสน่ห์น้ำหอมแห่งความแรงร้ายใหม่จาก Dior Addict เผยปริศนาในธรรมชาติที่ยากหยั่งรู้ และเข้าใจในความเป็นหญิง ด้วยเสน่ห์หอมของกลิ่น Mandarin Leaf และ Silk Tree Flower ที่เป็นดั่งเสียงกระซิบแรกแห่งความสดชื่น และเผยหัวใจของ Dior addict ด้วยโทนกลิ่น Vanilla ของราชินีแห่งรัตติกาล หรือดอก Queen of the Night ดอกไม้หายากที่พบได้เพียงในประเทศจาไมก้า และเบ่งบานเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความเร้าร้อน ยั่วยวนของกลิ่น Orange Blossom ที่อบอวลแผ่ผ่านความรู้สึกให้ตราตรึง ตราบนานในความทรงจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด - Eau de Parfume 50 ml. ราคา: 2,700 บาท - Eau de Parfume 100 ml. ราคา: 3,750 บาท | |
2. Tommy Hilfiger สำหรับผู้ชายทันสมัย TRUE STAR MEN ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ จากนักร้องชื่อดัง Enrique Iglesias ( เอ็นริเก้ อิเกลเซียส ) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ชายร่วมสมัย เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ เท่ห์ มีเสน่ห์ ดึงดูดทั้งผู้ชาย และผู้หญิงทั่วโลกด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และสบายๆEnrique เป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสรรค์น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่น และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้กลิ่นหอมต่างๆ ที่ให้ความอบอุ่นยังช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมีอารมณ์ผ่อนคลาย น้ำหอมนี้ทำให้ผู้ชายรู้สึกนำสมัยและสบายๆ สามารถใช้ได้ทุกโอกาส TRUE STAR MEN น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ของพันธุ์ไม้เครื่องเทศ (Soft-Spiced Wood) ที่ให้ความพึงพอใจชวนสัมผัส, สร้างความเย้ายวนและชวนสัมผัสตลอดเวลา ความทันสมัย และความอบอุ่นสร้างรสนิยมแบบใหม่ที่เรียบง่ายสบายๆ สัมผัสแรก Enticing Captivity Accord ด้วยกลิ่นหอมของ Citrus ผลไม้ตระกูลที่มีรสเปรี้ยว ที่มอบความสดชื่น เสริมด้วยกลิ่นของ anise (ยี่หร่า) ที่ให้ความรู้สึกเย็น ผสานด้วยกลิ่น licorice (ชะเอม) ที่ให้ความเย็นสร้างความตื่นเต้นและลุ่มลึก สัมผัสต่อมา Caressing Softness Accord กลิ่นหอมของ Orris (ดอกออริส) และ Cascarilla (คัสคาริลลา) ทำให้กลิ่นของพืชสีเขียวอันชุ่มฉ่ำกลายเป็นความสง่างาม ที่ซ่อนเร้นผสานกลิ่นหอมของ Rice (ข้าว) ให้สัมผัสที่นุ่มนวล สัมผัสท้ายสุด Seductive Addictive Accrod กลิ่นหอมที่ผสมผสานกันระหว่างหญ้าฝรั่นกับไม้เนื้ออ่อนเติมด้วยกลิ่นหอมของวนิลา ให้ความรู้สึกเย้ายวนชวนดมตลอดเวลา กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีลักษณะเด่นไม่เหมือนใครสำหรับคุณผู้ชาย - TRUE STAR EAU DE TOILTTE 50 ML ราคา 1,850 บาท - TRUE STAR EAU DE TOILTTE 100 ML ราคา 2,550 บาท | |
3. Hypnose By Lancome มนต์สะกดจากหญิงสาว ถ้าจะมีกลิ่นน้ำหอมที่เหมือนจะสะกดผู้คนรอบข้างให้ตะลึงในความเป็นหญิง คงไม่มีหญิงสาวคนไหน ปฏิเสธได้ Hypnose จาก Lancome น้ำหอมเปล่งประกายเจิดจรัสในขวดสีม่วงพร้อมรูปทรงโค้งเว้าหลากเหลี่ยม ให้กลิ่นชวนค้นหาของวานิลลาที่อบอุ่น เวติแวร์ที่ช่างเย้ายวน กรุ่นกลิ่นไม้หอมของตะวันออก อย่างดอกเสาวรส และหญ้าแฝก ให้ความตรึงใจด้วยความเป็นผู้หญิงของคุณ - Hypnose Eau de Toilette 30 ml. ราคา 1800 บาท - Hypnose Eau de Toilette 50 ml. ราคา 2500 บาท | |
4. POLO Black ผู้ชายโปโลแบล็คเป็นหนุ่มชาวเมืองเต็มตัว และเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด โปโลแบล็ค เป็นน้ำหอมที่จะเผยความเซ็กซี่ ความหนุ่มแน่น เท่ และฮิพของพวกเขาออกมา” บรรจุภัณฑ์ขวดน้ำหอมโปโลแบล็คเรียบโก้ และเซ็กซี่ทำจากแก้วเนื้อดีสีดำทรงเหลี่ยมดูองอาจ เช่นเดียวกับความมาดมั่น และทรงอำนาจของหนุ่มๆ ผู้ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้ที่ทั้งเข้มแข็ง และทันสมัยได้รับแรงบันดาลใจจากแบบขวดน้ำหอมโปโล ปรับเพิ่มฝาเงิน และขยายตราสัญลักษณ์โปโลโพนีสีเงินให้ใหญ่ขึ้น กล่องน้ำหอมสะท้อนความเซ็กซี่เช่นกัน ด้วยสีดำวาวและประดับตราสัญลักษณ์โปโลโพนีสีเงินแบบใหม่ที่เด่นมีขนาดใหญ่ขึ้น ชัดเจนและร่วมสมัย ชุดผลิตภัณฑ์ สเปรย์น้ำหอมผสานกลิ่นไอซ์แมงโก้ ซิลเวอร์อาร์มัวซ์ และพัทชูลี่ดำ ให้ความรู้สึกทันสมัย ท้าทาย ช่ำชอง - POLOBLACK Eau de Toilette Spray ขนาด 2.5 ออนซ์/75 มล. 2,300 บาท - POLOBLACK Eau de Toilette Spray ขนาด 4.2 ออนซ์ /125 มล. 3,300 บาท | |
5.Armani code donna จากแรงบันดาลใจของฉากตรึงตในหนังฮอลลีวู๊ด เรื่องราวของการพบกันการปรายตามอง โค้งเว้าแห่งสรีระมาเป็น Armani code donna (75 ml ราคา3200 บาท) น้ำหอมเปี่ยมเสน่ห์ในขวดเพรียวลายดอกไม้ตะวันออกกลิ่นหอมลึกลับเผยกลิ่นแท้ของความเป็นผู้หญิงในมุมมองของดีไซเนอร์ ระดับโลก จิออร์จิโอ อาร์มานี่ เริ่มต้น น้ำหอมสีน้ำเงินซฟไฟร์ด้วยกลิ่นดอกส้ม กลิ่นหอมของเกสรดอกไม้ มะลิ แซมบัคจากอินเดีย สุดแสนจะเป็นผู้หญิง และสุดโก้หรู นี่คือความหอมหวานรวยริน ผสานกลิ่นวนิลาจากมาดากัสการ์ และกลิ่นน้ำผึ้ง จนไม่มีใครลืมลง | |
6. J’adore eau de perfume จากสีเหลืองทองของ J’adore eau de perfume สู่สีขาวทองของ J’adore eau de toilette ใหม่ล่าสุดจากแนวกลิ่น Fruite Floral หรือผลไม้-ดอกไม้อันอุดมเข้มข้น สู่แนวกลิ่น Fresh Floral หรือดอกไม้หอมสดชื่นอันเพริศพรายน้ำหอมใหม่ล่าสุดจากแนวกลิ่น Fruity Floral หรือผลไม้อันอุดมเข้มข้น สู่แนวกลิ่น Fresh Floral หรือดอกไม้หอมสดชื่น ยังคงทรงเสน่ห์สุดห้ามใจต้านตั้งแต่แรกพบ ด้วยช่อดอก Peony เต็มอ้อมแขนที่หอมละมุน สู่สัมผัสแห่งความเลอเลิศ ด้วยดอก Champaca ยามพร่างพรมลงสู่ผิว จับใจไปกับความสดชื่นโดยแท้ของ White Violet หอมหวานเป็นผู้หญิง กับแนวกลิ่นเจิดจรัสของ Star Magnolia ท้ายสุด ต้องยอมจำนนต่อสัมผัสอ่อนละมุนของ Amaranth Wood, Muscat และแย้มยิ้มเคลิ้มกับกลิ่นสดชื่นของ Damson ซาบซ่าน เบาหวิว แฝงนัยให้อิ่มเอม | |
7. DKNY Red Delicious ใหม่สุดจากนิวยอร์ก ความหอมเร้าใจจากความตื่นเต้นแห่งรักในเมืองใหญ่ สำหรับหญิงสาว ความเย้ายวนจากกลิ่นแชมเปญ ผสมผสานกับกลิ่นลิ้นจี่ คละเคล้ากลิ่นราสพ์เบอร์รี่ และ แอปเปิ้ลแดงสุดต้องห้าม แปรไปสู่กลิ่นกุหลาบและไวโอเล็ตชุ่มน้ำ เร้ารุมด้วยกลิ่นวานิลลา และพัทชูลี ที่มาเติมความอบอุ่นลงท้ายที่กลิ่นอำพันกับกลิ่นผิวยั่วใจ สำหรับชายหนุ่ม เป็นความลุ่มหลงและทะเยอทะยานกับกลิ่นแบบเครื่องเทศ ผสมกลิ่นสดชื่นของมะกรูดและส้มจีน กลิ่นค็อกเทลและกลิ่นกาแฟ เหล้าที่หมักด้วยแอปเปิ้ลสุดฉ่ำ ว้อดก้าและวานิลลาทรงเสน่ห์ กลิ่นดอกดาวานาที่เข้มแข็ง จบที่กลิ่นไม้หอม มอส และพัทชูลี ที่จะทอดเวลารักให้ยาวนานข้ามคืน (50ml 2200 บาท 100ml 3150 บาท men 50ml 1850 บาท 100 ml 2600 บาท) - น้ำหอม perfume Red Delicious Women by DKNY 100ML | |
8. CK one น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Calvin Klein ซึ่งผสมผสานไปด้วยกลิ่นของผลไม้หลากหลายชนิด อย่าง ส้ม, องุ่น, แตงโม นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมธรรมชาติจาก ขิง มิ้นท์ ดอกไม้ นานาพรรณ ดอกดาวเรือง, sun-bleached wood, vanilla, violet and guaiac wood | |
9. Burberry พบกับความหอมตามแบบฉบับของสาวลอนดอน Burberry น้ำหอมจากอังกฤษ ด้วยกลิ่นหอมจากดอก Clementine Honeysuckle และ Rose บรรจุในขวดดีไซน์เก๋ด้วยผ้าทอลาย Check ของ Burberry มี 2 ขนาด - 50 ml. ราคา 2600 บาท - 100 ml. ราคา 3700 บาท | |
10. Lovely Sarah Jessica Parker อ่อนหวาน แสนน่ารัก นี่คือหญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจ Lovely Sarah Jessica Parker แนะนำน้ำหอมใหม่ล่าสุด สะท้อนความคลาสสิกของแฟชั่น อมตะ ไร้กาลเวลา โดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ทันสมัยและเปี่ยมรสนิยม พราวความหอมสดชื่น จาก ส้มแมนดาริน เบอร์กาม็อต และไม้หอม Pearwood ความหอมของพัตชูลี และเย้ายวนด้วย Sensuous Cedar - Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 30 ml 1800 บาท - Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 50 ml 2500 บาท - Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 100 ml 3300 บาท |
เคยรู้มั้ย...น้ำหอมมีความเป็นมายังไง? history | ||||
เราเชื่อกันว่านํ้าหอมนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว จากหลักฐานภาพวาดจิตรกรรม ฝาผนังตอนหนึ่งที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut ที่เมือง Thebes ในประเทศ Egypt ที่เป็นรูปของหญิงสาวชาวอิยิปต์โบราณกำลังโชลม นํ้าหอมลงบนศรีษะ ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่ามีการใช้นํ้าหอม กันแล้วในยุคนั้น ซึ่งคาดว่านักเดินเรือชาวอิยิปต์ได้ไปนำมาจาก ดินแดนอื่น นํ้าหอมในสมัยโบราณนั้นจะทำมาจากยางไม้หอม ซึ่งยางไม่หอมแบบนี้จะมีอยู่ที่ Arabia และ Somalia เท่านั้น คำว่า "Perfume" นี้มีรากศัพท์มาจากภาษา ละติน ที่แปลว่า "ควัน" ในกรีก (Greek) โบราณคนที่ทำนํ้าหอมนั้นจะเป็นผู้หญิง ซึ่งได้ปรับปรุง มรดกการทำนํ้าหอมที่ตกถอดมาจากชาวอียิปต์โบราณให้พัฒนาดีขึ้นไป ในช่วงเวลาของจักรวรรดิโรมัน (Roman) การทำนํ้าหอมเขาจะใช้ยางไม้หอม จากต้นไม้จำพวก Boswellia โดยสั่งนำเข้ามาจาก Arabia และได้บวกกับส่วนผสม ที่ได้มาจากทะเลจากประเทศอินเดียซึ่งเป็นส่วนผสมใหมที่ใส่ลงไปในการทำนํ้าหอม ของชาวโรมันในสมัยนั้น เศรษฐีชาวโรมันจะใช้นํ้าหอมตามความพอใจ ชนิดที่เรียกได้ว่าใช้แบบล้างผลาญ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ พวกเศรษฐีเหล่านี้จะเอานํ้าหอมไปพ่นและฉีดตามพื้นและกำแพง บ้านของตัวเอง และนอกจากนี้ยังนำนํ้าหมไปฉีดให้กับสัตว์เลี้ยงของบรรดาเศรษฐี อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น สุนัข และ ม้า | ||||
แต่ก้าวสำคัญในประวัติศสาตร์ของนํ้าหอม แล้วนั้นจะเกิดขึ้นในยุคกลาง (Middle ages) เมื่อชาวอาหรับ (Arabs) ได้คิดค้นพัฒนา เทคนิคในการ กลั่นนํ้าหอมได้เป็นผลสำเร็จ พื้นที่ ขนาดใหญ่โตของอาณาจักรเปอร์เซีย ได้ทำการ ปลูกดอกกุหลาบ เพื่อที่จะนำมาสกัดเป็นนํ้าหอม เนื้อที่ที่ใช้ปลูก ดอกกุหลาบนี้ใหญ่โตมหาศาล มาก จนถึงกับมี เรื่องเล่าขานกันว่า "กรุง Baghdad" (เมืองหลวงของประเทศอิรักในปัจจุบัน) ในสมัยนั้นได้สมญานาม ที่เรียกขานกันว่า "City of Fragrances" นอกจากนี้ชาวอาหรับยังได้ค้นพบ ส่วนผสมตัวใหม่ในการทำ นํ้าหอมอีกด้วยนั่นก็คือ สารที่ได้จากตัวชะมด หรือ กลิ่น ชะมดนั่นเอง | ||||
ชาวอาหรับได้นำเจ้ากลิ่นชะมดนี้ไปผสมกับปูนขาว และพวกเขาก็นำ ปูนขาวที่ได้นี้ไปใช้สร้างสุเหร่า (Mosque) และพระราชวัง ซึ่งก็ทำให้ได้สุเหร่า และพระราชวังที่มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมือง และนี่คืออีกหนึ่งที่มาจากเรื่องเล่าถึงคำว่า "City of Fragrances" นั่นเอง | ||||
ในช่วงสมัยของ Crusaders ได้นำเครื่องหอมจาก อาหรับไปให้ชาวยุโรปได้รู้จัก แต่สำหรับก้าวแรกของนํ้าหอม ในยุโรปนั้นเริ่มจริงๆก็ในศตรวรรษที่ 16 เมื่อ แคทเธอรีน เดอ เมคิชี่ (Catherine de Medici) มาที่ประเทศ Italy เพื่อที่จะแต่งงานกับอนาคตกษัตริย์ในช่วงนั้น จากนี้ไปนํ้าหอม ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในต้นศตรวรรษที่ 19 ได้มีนักเคมีได้ทำการสังเคราะห์นํ้าหอมจาก สารเคมีจนได้กลิ่น ต่างๆ มากมายหลายพันกลิ่น จนกระทั่งนํ้าหอมได้กระจายไปทั่ว จนเป็นอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน Ingredients-กลิ่นน้ำหอมผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า กลิ่นของนํ้าหอมที่ได้จากต้นไม้นั้น มักจะมาจากดอกไม้ แต่น่าประหลาดใจมาก ส่วนอื่นๆของต้นไม้นั้น เราก็นำมาใช้ทำนํ้าหอมได้ ไม่ว่าจะเป็น ลำต้น ใบไม้ เนื้อไม้ ผล เมล็ด เปลือก และ ยางไม้ นอกจากส่วนต่างๆที่กล่าวมานี้นั้น | ||||
เรามาทำความรูจักกับชนิดของต้นไม้ ที่คนปรุงนํ้าหอมเขานำมาใช้ใน การทำนํ้าหอม ที่นิยมนำมาใช้มากในอันดับต้นๆ ดังนี้ | ||||
- Balsam : เป็นยางไม้หอมชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง Balsam ที่นิยมในแวดวง การผลิตเครื่องหอม ในปัจจุบันเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ Balsam จากประเทศ เปรู - Bergamot : ก็คือ ต้นมะกูดนั่นเอง ส่วนของมะกูดที่ใช้สกัด ทำมํ้าหอมก็คือ บริเวณเปลือก ของลูกมะกูดนั่นเอง กิ่นหอมที่สกัดจากผิวของลูกมะกูดนี้ส่วนใหญ่ จะนำไปใช้ใน นํ้าหอมสำหรับผู้หญิง - Frankincense :เป็นยางไม้หอมจากต้นไม้จำพวก Boswellia เจ้าต้น Boswellia เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ที่เจริญเติบโตทางตอนใต้ของ Arabia และ Somalia ซึ่งยางไม้ชนิดนี้ เป็นส่วนสำคัญมาก ในการทำเครื่องหอม สมัยอณาจักรโรมันโบราณ ในปัจจุบันเราใช้ Frankincense เป็นส่วนผสมของ นํ้าหอมสมัยใหม่ถึง 13% - Galbanum :เป็นยางไม้ของ ต้นยี่หร่า จากประเทศ Iran เจ้า Galbanum จะมีกลิ่นหอม ออกไปทาง Spicy - Jasmine : ต้นมะลิใช้เป็นส่วนผสมหลัก ของนํ้าหอมในปัจจุบันมากกว่า 80 % เป็นรองก็ แค่ดอกกุหลาบ พันธุ์ของมะลิที่นิยมใช้ในการทำนํ้หอมก็คือ มะลิจากประเทศสเปน หรือที่เรียกกันว่า Royal Jasmine ซึ่งใช้มากที่สุดในยุโรป มาตั้งแต่ศตรวรรษที่ 16 แล้ว Royal Jasmine นี้จะเป็น ส่วนผสม ในการทำนํ้าหอม ที่แพงที่สุด เพราะว่า จากมะลิ 500 ปอนด์ จะกลั่นออกมาใช้ทำนํ้าหอม ได้แค่เพียง 0.1 % เท่านั้น - Labdanum : เป็นหยดเล็กๆ ของยางไม้จากใบของต้น Cistus ที่ขึ้นอยู่ ในตะวันออกกลาง เราใช้ยางไม้ชนิดนี้ถึง 33% ในการทำนํ้าหอมในปัจจุบัน - Lavender : เป็นส่วนผสมหลัก ในการทำนํ้าหอมมานานแล้ว นับตั้งแต่สมัย กรีก - โรมัน โบราณ ครั้งหนึ่งในประเทศ ฝรั่งเศส เคยปลูกต้น Lavender นี้ถึง 5,000 ตัน ต่อปีมาแล้ว - Lemon : ผิวของผลมะนาว เป็นส่วนผสมที่จำเป็น ในการทำนํ้าหอม ที่ต้องการให้ได้กลิ่นหอม ที่สดชื่น สดใส มีชีวิตชีวา - Lily of the Valley : ในช่วงเริ่มแรกของการทำนํ้าหอมนั้น เราได้ กลิ่นหอมของดอก Lily โดยการใส่ดอก lily ลงไปในนํ้ามัน แต่ในปัจจุบัน เราใช้กรรมวิธีที่ทันสมัย โดยการสกัดเอากลิ่นหอมของ lily ออกมา ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เราใช้ lily เป็นส่วนผสมในการทำนํ้าหอม ประมาณ 14 % ในปัจจุบัน - Myrrh : เป็นยางไม้จากต้น Myrrh ซึ่งพบได้ใน Arabia, Somalia และ Ethiopia ในสมัยโบราณ เขาใช้ยางไม้ชนิดนี้ทำเป็นยาสมุนไพร และ ใช้ทำ นํ้ายา ดองศพ แต่ในปัจจุบัน นักปรุงนํ้าหอมบอกว่า คุณสมบัติที่เด่นของ Myrrh นี้คือ มันเป็นตัวช่วยให้ กลิ่นของนํ้าหอม ติดร่าางกายทนนานยิ่งขึ้น เพราะมันมีสารที่ทำให้ นํ้าหอม ระเหยไปในอากาศ ช้าลงนั่นเอง - Neroli : ได้จากการกลั่น จากดอกของต้นส้ม ชื่อ Neroli นี้ได้มาจากในช่วง หลังศตรววรษที่ 16 โดยภรรยาของ เจ้าชายของ อิตาลีคนหนึ่ง ใช้ Neroli ผสมในนํ้า ที่เธออาบ ทำให้กลิ่นหอม นี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายในยุโรป แต่จริงๆแล้ว Neroli เข้ามาในยุโรปนานแล้ว ตั้งแต่ศตรวรรษที่ 12 โดยชาว อาหรับเป้นผู้นำเข้ามา ในปัจจุบันใช้เป้นส่วนผสม ในการทำนํ้าหอมถึง 12% - Oak Moss : เป็น Lichen ที่อยู่ตาม ต้นโอ๊ก ต้นสน และต้นไม้อื่นๆ ในแถบเถือกเขา ทางเหนือ ของแอฟริกา และ ยุโรป เราใช้ oak moss เป็นตัวที่ยึด กลิ่นหอมของนํ้าหอมไว้ ไม่ให้ระเหยไปเร็ว |
วิธีการเลือกน้ำหอมให้เข้ากับตัวเอง? Choosing and Using | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
สิ่งต่างๆเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ในการที่เราจะ เลือกนํ้าหอมได้ถูกต้องนั้น เราก็ต้องทำความรู้จัก กับนํ้าหอม กันก่อน นํ้าหอมนั้นเป็นผลของส่วนผสมหลัก 2 อย่างนั่นก็คือ นํ้ามันหอม (Fragrant Oils) ที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ (Alcohol) ในระดับความเข้มข้นของความหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ นี้ จะมีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันไป เราจึงแบ่งนํ้าหอมออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมได้ดังนี้ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
- Eau de Parfum คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 % - Eau de Toilette คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 4-8 % - Eau de Cologne คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 3-5 % | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
นํ้าหอมที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่นิยมใช้กันนั้นจะเป็น Eau de Toilette เสียมากกว่า ซึ่งความหอมระดับนี้จะมาเป็น ส่วนประกอบในสินค้าอื่นๆ นอกจาก นํ้าหอมด้วย เช่น โลชั่นทาผิว, สบู่, โฟมอาบนํ้า และอีกมากมาย มีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่ยากที่จะตอบมากนั่นก็คือ คำถามที่ว่า เราจะหา ซื้อนํ้าหอมจากที่ไหนถึงจะดีที่สุด ? | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
ซึ่งในปัจจุบันนี้คุณสามารถหาซื้อนํ้าหอม ได้จากหลายแห่งด้วยกัน หรือแม้แต่จะสั่งซื้อผ่านทาง Internet อย่างเช่น ที่ PerfumeLover แห่งนี้คุณก็สามารถเลือก Shopping นํ้าหอมที่คุณชอบได้ เช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงเสมอ ในการเลือกซื้อนํ้าหอมก็คือ คุณจะมั่นใจ ได้อย่างไรว่า นํ้าหอมที่คุณซื้อมานั้นคือ "ของจริง" ไม่ใช่ของที่ทำ เลียนแบบ หรือ "ของปลอม" นั่นเอง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำ นํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่ แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ระเอียดอ่อนมาก เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่างๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ใน การเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากดังนี้ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาที่คุณไปเลือกซื้อนํ้าหอมนั้น ก่อนการเลือกซื้อถ้าเป็นไปได้ เราไม่ควร ที่จะรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความ เหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มันจะส่งผลต่อ กับรับรู้กลิ่น นํ้าหอมให้ผิดเพี้ยนไป และ นอกจากนี้ เรายังไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอม ในช่วง ที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือ เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะ การกระทำ เช่นนี้ ก็จะมีผลต่อ การรับรู้กลิ่นนํ้า ทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัส พลิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในส่วนของเวลาที่เรา ทดลองนํ้าหอม ที่เราไปเลือกซื้อนั้น จุดทดีที่สุด ของร่างกาย ที่เราทดลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ "ข้อมือ" นั่นเอง ในกรณีที่เราทดลอง นํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวฯที่เราควรฉีดนํ้าหอม ลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่ จากข้อมือของเรา ขึ้นไปเรื่อยๆนั่นเอง เมื่อเราฉีด นํ้าหอมไปในบริเวณ ที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เราไม่ควรที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ นํ้าหอมจากกลิ่นที่เราได้สัมผัส ณ. เวลานั้นเลย เราควรทิ้งไวอย่างน้อยที่สุด ประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นไปได้ควรจะประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงตัดสินใจ เลือกซื้อ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
แต่ในปัจจุบัน นํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่วิธีนี้ มันดีสำหรับในการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรกนั้น และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลายๆกลิ่น ในเวลาเดียวกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับ การที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
วิธีการใช้นํ้าหอมนั้นเราควรจะฉีดนํ้าหอมในส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้ เพื่อให้นํ้าหอมนั้น ได้ทำหน้าที่ในการส่งกลิ่นหอมให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราควรฉีดนํ้าหอมตรง ชีพจร, ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขา ของเราเอง เราไม่ควรฉีดนํ้าหอมตรงบริเวณ ด้านหลังใบหูเพราะตรงบริเวณนี้กลิ่นนํ้าหอมและแอลกลอฮอล์จะระเหย ไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง บางคนก็จะฉีดนํ้าหอมหลังจากเราอาบนํ้า เสร็จใหม่ๆ ในขณะที่ผิวกำลังมีความชื้นอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ กลิ่นนํ้าหอมนั้น ติดทนนานมากยิ่งขึ้น ในบางคนก็แนะนำให้ใส่นํ้าหอม ลงไปผสมในนํ้าสุดท้ายที่ เราใช้ซักชุดชั้นใน เพื่อที่จะให้กลิ่นนํ้าหอม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเลยทีเดียว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในเรื่องของการเก็บรักษานํ้าหอมนั้น เราควรรับรู้ไว้ว่านํ้าหอมจะ ได้รับผลและเกิดปฏิกริยาโดยตรงกับ อากาศ, ความร้อน, แสง ดังนั้น เราควรที่จะเก็นขวดนํ้าหอมของคุณ ไว้ในสถานที่ ที่มีความเย็น มืด ซึ่งการเก็บนํ้าหอมตามวิธีนี้นั้น คุณจะสามารถเก็นรักษานํ้าหอมของคุณ ได้นานถึง 20 เลยทีเดียว โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมก็จะไม่เปลี่ยนไป ถ้าคุณเก็บนํ้าหอมไม่ถูกวิธี นํ้าหอมของคุณก็จะเสื่อมลง และก็จะกายเป็น กรดไปในที่สุดนั่นเอง |
ข้อมูลจาก: perfumelover.com
| |
|
ยอร์ช เซเดส์
ยอร์ช เซเดส์ (George Coedès) (พ.ศ. 2429-พ.ศ. 2512) เป็นนักวิชาการชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ยอร์ช เซเดส์เดินทางมารับราชการในตำแหน่งบรรณารักษ์ใหญ่ประจำหอสมุดวชิรญาณ (ภายหลัง เป็น หอสมุดแห่งชาติ) เมื่อ พ.ศ. 2461 และในปีพ.ศ. 2472 ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพทิศและทำงานที่นั่นกระทั่ง พ.ศ. 2489 หลังจากนั้นได้เดินทางกลับกรุงปารีส และถึงแก่กรรมเมื่อพ.ศ. 2512
ยอร์ช เซเดส์ได้เขียนเอกสารสัมมนาสองฉบับ เรื่อง The Indianized States of Southeast Asia (ค.ศ. 1968, 1975) และ The Making of South East Asia (ค.ศ. 1966) และบทความต่างๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาแนวคิดเรื่องอาณาจักรแบบอินเดีย (Indianized kingdom) ขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอในสมัยใหม่ ว่า การรับแนวคิดอินเดียดังกล่าวนั้น มีความสมบูรณ์น้อยกว่าที่ที่เซเดส์เคยเชื่อ ด้วยยังมีการปฏิบัติที่หลงเหลืออยู่มากมายในอินเดีย
ยอร์ช เซเดส์เดินทางมารับราชการในตำแหน่งบรรณารักษ์ใหญ่ประจำหอสมุดวชิรญาณ (ภายหลัง เป็น หอสมุดแห่งชาติ) เมื่อ พ.ศ. 2461 และในปีพ.ศ. 2472 ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพทิศและทำงานที่นั่นกระทั่ง พ.ศ. 2489 หลังจากนั้นได้เดินทางกลับกรุงปารีส และถึงแก่กรรมเมื่อพ.ศ. 2512
ยอร์ช เซเดส์ได้เขียนเอกสารสัมมนาสองฉบับ เรื่อง The Indianized States of Southeast Asia (ค.ศ. 1968, 1975) และ The Making of South East Asia (ค.ศ. 1966) และบทความต่างๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาแนวคิดเรื่องอาณาจักรแบบอินเดีย (Indianized kingdom) ขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอในสมัยใหม่ ว่า การรับแนวคิดอินเดียดังกล่าวนั้น มีความสมบูรณ์น้อยกว่าที่ที่เซเดส์เคยเชื่อ ด้วยยังมีการปฏิบัติที่หลงเหลืออยู่มากมายในอินเดีย
อึ้ง! อังกฤษเปิดโรงเรียนสอนเต้นรูดเสาให้กับเด็กเล็ก
อึ้ง! อังกฤษเปิดโรงเรียนสอนเต้นรูดเสาให้กับเด็กเล็ก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุรภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย MakeMeFabulousPole
อึ้ง! อังกฤษเปิดโรงเรียนสอนเต้นรูดเสาสำหรับเด็กเพียง 3-7 ขวบ ทางการอังกฤษเร่งออกมาตรการคุ้มครอง หวั่นเด็กแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามวัย
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษรายงานว่า โรงเรียนสอนเต้นในอังกฤษเปิดคอร์สการเต้นรูดเสาให้กับเด็กเล็กซึ่งมีอายุเพียง 3-7 ขวบเท่านั้น ขณะที่ด้านองค์กรคุ้มครองเด็กออกต่อต้าน พร้อมทั้งเร่งออกมาตรการคุ้มครองเด็กโดยเร็ว
รายงานระบุว่า โรงเรียนสอนเต้นแห่งนี้ คือ โรงเรียนเมค มี ฟาบีลัส สตูดิโอ ในนอร์ทแธมตัน เขตอิสลิงตัน ลอนดอน ได้เปิดหลักสูตรชื่อว่า ลิตเติ้ล สปินเนอร์ เพื่อเอาใจเด็ก ๆ ที่สนใจศิลปะการเต้นรูดเสาแบบผู้ใหญ่ ซึ่งเด็ก ๆ ที่เข้าคอร์สการเต้นรูดเสานี้ ก็มีตั้งแต่วัยเพียง 3-7 ขวบเลยทีเดียว ส่วนการสอนเต้นนั้น ทางโรงเรียนจะใช้ห้องที่รายล้อมด้วยกระจกเช่นเดียวกับโรงเรียนสอนเต้นทั่วไป พร้อมกับติดตั้งเสาเหล็กไว้ เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สำคัญประกอบการเต้น ซึ่งเด็ก ๆ จะต้องเต้นอ้อมเสา แล้วรูดเสาไปมาในรูปแบบเดียวกับการเต้นรูดเสาของสาว ๆ ในผับไม่มีผิดเพี้ยน
โดย คาร์ลี วิลฟอร์ด วัย 30 ปี ครูผู้สอนเต้นรูดเสาให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ ได้เปิดเผยว่า เธอเปิดหลักสูตรเต้นรูดเสานี้ขึ้นเมื่อ 6 เดือนก่อน เพราะเป็นที่ต้องการของเด็ก ๆ มาก และพวกเขาก็มาสมัครเรียนคอร์สนี้เพื่อความสนุกสนาน ซึ่งการเต้นรูดเสาเช่นนี้จะช่วยให้เด็กเล็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และเป็นการกระตุ้นให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น ไม่มีเรื่องการยั่วยุทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือปลูกฝังให้เด็กเซ็กซี่แต่อย่างใด มันเป็นเหมือนกีฬายิมนาสติกซึ่งต้องอาศัยการทรงตัวมากกว่า และเธอเองก็จะไม่สอนท่าลามกอนาจารให้เด็กด้วย ขณะที่ทางผู้ปกครองเด็กเองก็ยอมรับและสนับสนุนให้ลูก ๆ มาเรียนคอร์สเต้นรูดเสานี้ เพื่อให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรง
นอกจากนี้ คาร์ลี วิลฟอร์ด ได้อธิบายเกี่ยวกับการเต้นรูดเสาว่า "การเต้นรูดเสานี้มีต้นกำเนิดมาจากกีฬาอินเดียพื้นเมือง ที่เรียกว่า มัลขามบ์ (Malkhamb) เป็นการแสดงกายกรรมในท่าต่างๆ ประกอบเสียงดนตรีบนเสาไม้หรือเชือก ซึ่งก็เหมือนกับการเรียนยิมนาสติกเลย ดังนั้น มันไม่ได้มีอะไรลามกอนาจารเหมือนอย่างที่ใคร ๆ พูดถึง"
อย่างไรก็ตาม แม้ทางโรงเรียนสอนเต้นจะยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาปลูกฝังการเต้นยั่วยวนและไม่ได้สอนท่าอนาจารให้เด็ก ๆ แต่การชี้แจงดังกล่าวก็ดูมีน้ำหนักน้อยมาก เนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้ได้เปิดสอนการเต้นรูดเสาให้กับผู้ใหญ่ด้วย และประชาสัมพันธ์หลักสูตรการเต้นรูดเสาผ่านเว็บไซต์ของตัวเองด้วยสโลแกนที่ว่า "เซ็กซี่ ผ่อนคลาย และมีพลัง" ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ทำให้ทางด้าน "Kidscape" องค์กรการกุศลสำหรับเด็ก ออกมาเตือนว่า การที่เด็กเต้นรูดเสาดังกล่าวเป็นการแสดงพฤติกรรมที่โตเกินกว่าวัย ไม่สนับสนุนให้มีการเปิดสอนเต้นแบบนี้เลย พฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสี่ยง เนื่องจากเด็กจะรู้สึกสนุกไปกับการเลียนแบบพฤติกรรมการเต้นที่ยั่วยุทางเพศแบบนั้น โดยที่ไม่ได้ตระหนักว่า การเต้นดังกล่าวเป็นการแสดงท่าทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในภายหลังอาจทำให้เกิดผลร้ายที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยนายคลอดี้ ไนทส์ ผู้อำนวยการองค์กร Kidscape ได้เปิดเผยว่า "มันเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเด็กอย่างแน่นอนในออกกำลังกาย และทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ แต่ทำไมกลับให้เด็ก ๆ ไปเต้นรูดเสาแบบนั้น ซึ่งเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะกับวัย และเราต้องการให้เด็กแสดงพฤติกรรมอย่างที่เด็กควรจะเป็น ดังนั้น ผู้ที่ริเริ่มกิจกรรมเช่นนี้ขึ้น รวมถึงพ่อแม่ที่อนุญาตให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวควรจะตรึกตรองให้ละเอียดว่า การกระทำดังกล่าวสมควรแล้วหรือไม่”
ทั้งนี้ การต่อต้านการปลูกฝังพฤติกรรมที่โตเกินวัยให้กับเด็ก กำลังเป็นสิ่งที่ประเทศอังกฤษให้ความสำคัญมากในขณะนี้ เพราะหวั่นว่าจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นมามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ ทางการอังกฤษได้ออกประกาศสั่งห้ามขายและผลิตชุดชั้นในเสริมฟองน้ำและกางเกงในจีสตริงสำหรับเด็ก หลังมีการวางขายกันเกลื่อน และนอกจากนี้ ยังมีการออกมาต่อต้านร้านเสริมสวยสำหรับเด็ก ที่เปิดให้เด็กได้มานั่งแต่งหน้า ทำผม ทำเล็บ ทำทรีตเม้นท์ เช่นเดียวกับผู้ใหญ่อีกด้วย
งานแนวๆ Chalk street art 3D
งานแนวๆ Chalk street art 3d. |
Street Art 3D with Chalk ศิลปะบนทางเท้า จากเทคนิคการวาดภาพด้วยสีชอล์ก ซึ่งมีส่วนผสมพิเศษที่สามารถกันน้ำได้ดี และต้องอาศัยจินตนาการและการวางตำแหน่งของแสงเงาที่ถูกต้อง จึงจะได้ผลงานที่เป็น Street Art 3D โดยแท้ แต่อย่างไรก็ตาม งานประเภทนี้ ผู้ชมจะต้องอยู่ในองศาที่ถูกต้องของชิ้นงานด้วย และการถ่ายภาพงานอาจต้องใช้มุมกล้องช่วย โดยงานชิ้นดังกล่าวเหล่านี้ที่นำมาให้ชมเป็นผลงานของ จิตรกรชาวสหรัฐอเมริกา Kurt Wenner ซึ่งใครหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่า องค์การนาซ่าเคยว่าจ้างให้ Kurt Wenner ทำงานในตำแหน่ง Advanced Scientific Illustrator ซึ่งมีหน้าที่ วาดรูปให้กับโครงการอวกาศในอนาคต และวาดรูปภูมิประเทศของดวงดาวต่างๆ ตามคำบอกเล่าล่าสุดของนักบินอวกาศที่ได้ ไปพบมาและนำมาเล่าให้ฟัง นับเป็นการทำงานร่วมกับองค์กรใหญ่ระดับโลกที่ถือว่าเป็นงานที่อิงถึงจินตนาการอย่างสูงและดูจะไร้ขอบเขต แต่วันหนึ่งเขาเกิดเบื่อขึ้นมาจึงลาออกจากองค์การนาซ่า พร้อมกับขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีและมุ่งหน้าไปกรุงโรม ประเทศอิตาลีทันที เพื่อฝึกวิชาการวาดภาพและเรียนรู้รูปแบบการวาดจากรูปปั้นคลาสสิก จากนั้นจึงเริ่มออกตระเวนวาดภาพตามที่ต่างๆ รวมทั้งงาน Street Art 3D ที่เห็นทีไร ก็ทราบได้เลยว่าเป็นงานของ Kurt Wenner เพราะลายเซ็นในงานของเขาส่วนใหญ่คือ รูปปั้นคลาสสิกจากกรุงโรม Kurt Wenner ถือว่าเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ในการทำงานที่ต้องใช้จินตนาการเป็นหลัก ซึ่งสามารถทำได้เต็มศักยภาพและดึงจินตนาการนั้นสู่บุคคลทั่วไปจนเป็นที่ยอมรับ เยี่ยมชม แกลอรี่ของ Kurt Wenner ได้ที่ http://www.kurtwenner.com/ The Crevasse - Making of 3D Street Art |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)