momo-milk
วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554
มาเลี้ยงผึ้งในสวนหลังบ้านกันเถอะ
อังกฤษได้เปิดตัว "บีเฮ้าส์" รังผึ้งที่ทำจากพลาสติกไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาเลี้ยงผึ้งในสวน หรือบนหลังคาบ้านกันมากขึ้น จะได้เพิ่มประชากรผึ้งในธรรมชาติที่ลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย
ข้างฝ่ายพวกผึ้งเองก็ดูเหมือนว่าจะชอบบ้านใหม่สไตล์โมเดิร์นนี้อยู่ไม่น้อย เพราะพวกมันส่งเสียงหึ่งๆขณะบินเข้าๆ ออกๆ รังพลาสติกที่ดูไปแล้วเหมือนกล่องไปรษณีย์สีสดกันอย่างมีความสุข
"เราจำเป็นต้องตระหนักว่า หากเราต้องการให้พืชเจริญงอกงามดี เราก็จำเป็นต้องมีประชากรแมลงที่แข็งแรงมาค้ำจุนพวกมันเอาไว้" ทิว กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญของ เนเชอรัล อิงแลนด์ กล่าวด้วยว่า สัตว์และพืชสามารถเจริญเติบโตได้หากว่ามนุษย์ออกแบบตัวเมืองโดยคำนึงถึงธรรมชาติด้วย แล้ว "บีเฮ้าส์" ก็เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่แสดงให้เห็นว่า การนำเอาธรรมชาติเข้ามาไว้ในบ้านของพวกเรานั้นมันง่ายแสนง่ายแค่ไหน
ด้าน "ออมเล็ต" ผู้ผลิตรังผึ้งจำลองนี้ก็อวดอ้างสรรพคุณว่า "บีเฮ้าส์" รังผึ้งพลาสติกที่มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 0.5 เมตรนี้มีขนาดใหญ่กว่ารังผึ้งปกติถึง 2 เท่า ทำให้มีพื้นที่ให้ผองผึ้งเติบโตและสร้างอาณาจักรกันได้อย่างสะดวกสบาย
รังผึ้งจำลองนี้จะผลิตน้ำผึ้งออกมาได้โดยเฉลี่ย 50 หม้อ หรือกว่า 20 กิโลกรัมในช่วงฤดูร้อน แลกกับการที่ผู้เป็นเจ้าของจะสละเวลาไปดูแลรังผึ้งเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น
โจฮันเนส พอล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทออมเล็ตบอกว่า บีเฮ้าส์ได้รับการออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงผึ้งนั้นเป็นงานอดิเรกที่ต้องดูแลเอาใจใส่น้อยมาก แล้วรังผึ้งจำลองนี้ก็ไม่ต้องอาศัยพื้นที่มาก แค่วางไว้บนระเบียง หลังคาบ้าน หรือในสวนก็ได้แล้ว
บีเฮ้าส์นี้มีสนนราคาอยู่ที่ 495 ปอนด์ หรือราวๆ 2.8 หมื่นบาท แต่ไม่รวมเจ้าผึ้งน้อย ซึ่งคุณจะต้องไปหามาเลี้ยงเอาเอง
ทั้งนี้ อังกฤษมีผึ้งอยู่ 250 ชนิด แต่จำนวนผึ้งให้น้ำหวานในอังกฤษนั้นลดลงถึง 15% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับในประเทศอื่นๆ เนื่องจากผึ้งต้องเจอกับโรคภัยที่เบียดเบียนพวกมันมากขึ้น แถมดอกไม้ที่พวกมันใช้เป็นแหล่งอาหาร ตลอดจนที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมันเองนั้นได้ถูกกำจัดไปเกือบหมด เพราะมนุษย์ได้ปรับพื้นที่ป่าไปปลูกสร้างบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัย หรือทำธุรกิจต่างๆ แทน
ทอม ทิว หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลอังกฤษที่ชื่อ "เนเชอรัล อิงแลนด์" สาขากรุงลอนดอน บอกว่า ถ้าชาวเมืองช่วยกันเลี้ยงผึ้งให้มากก็จะทำให้จำนวนแมลงเพิ่มขึ้น แล้วทำให้แมลงเหล่านั้นต้านทานการโจมตีจากโรคภัยต่างๆ ตลอดจนศัตรูที่คุกคามการอยู่รอดของพวกมันได้มากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญของ เนเชอรัล อิงแลนด์ กล่าวด้วยว่า สัตว์และพืชสามารถเจริญเติบโตได้หากว่ามนุษย์ออกแบบตัวเมืองโดยคำนึงถึงธรรมชาติด้วย แล้ว "บีเฮ้าส์" ก็เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่แสดงให้เห็นว่า การนำเอาธรรมชาติเข้ามาไว้ในบ้านของพวกเรานั้นมันง่ายแสนง่ายแค่ไหน
ด้าน "ออมเล็ต" ผู้ผลิตรังผึ้งจำลองนี้ก็อวดอ้างสรรพคุณว่า "บีเฮ้าส์" รังผึ้งพลาสติกที่มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 0.5 เมตรนี้มีขนาดใหญ่กว่ารังผึ้งปกติถึง 2 เท่า ทำให้มีพื้นที่ให้ผองผึ้งเติบโตและสร้างอาณาจักรกันได้อย่างสะดวกสบาย
รังผึ้งจำลองนี้จะผลิตน้ำผึ้งออกมาได้โดยเฉลี่ย 50 หม้อ หรือกว่า 20 กิโลกรัมในช่วงฤดูร้อน แลกกับการที่ผู้เป็นเจ้าของจะสละเวลาไปดูแลรังผึ้งเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น
โจฮันเนส พอล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทออมเล็ตบอกว่า บีเฮ้าส์ได้รับการออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงผึ้งนั้นเป็นงานอดิเรกที่ต้องดูแลเอาใจใส่น้อยมาก แล้วรังผึ้งจำลองนี้ก็ไม่ต้องอาศัยพื้นที่มาก แค่วางไว้บนระเบียง หลังคาบ้าน หรือในสวนก็ได้แล้ว
บีเฮ้าส์นี้มีสนนราคาอยู่ที่ 495 ปอนด์ หรือราวๆ 2.8 หมื่นบาท แต่ไม่รวมเจ้าผึ้งน้อย ซึ่งคุณจะต้องไปหามาเลี้ยงเอาเอง
ทั้งนี้ อังกฤษมีผึ้งอยู่ 250 ชนิด แต่จำนวนผึ้งให้น้ำหวานในอังกฤษนั้นลดลงถึง 15% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับในประเทศอื่นๆ เนื่องจากผึ้งต้องเจอกับโรคภัยที่เบียดเบียนพวกมันมากขึ้น แถมดอกไม้ที่พวกมันใช้เป็นแหล่งอาหาร ตลอดจนที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมันเองนั้นได้ถูกกำจัดไปเกือบหมด เพราะมนุษย์ได้ปรับพื้นที่ป่าไปปลูกสร้างบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัย หรือทำธุรกิจต่างๆ แทน
วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554
“กาแฟ”ดื่มดีได้ ดื่มร้ายเสียประโยชน์
|
'ริดสีดวงจมูก'ภัยใกล้ตัวผู้ป่วยหวัด...ภูมิแพ้
'ริดสีดวงจมูก'ภัยใกล้ตัวผู้ป่วยหวัด...ภูมิแพ้ |
ในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอป่วยเป็นหวัดมีอาการจาม คัดแน่นจมูก ฯลฯ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีความผิดปกติใดๆ แต่หากต้องเผชิญกับอาการหวัดบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีอาการของไซนัสอักเสบร่วมด้วยอย่านิ่งนอนใจเพราะอาจจะเผชิญกับ โรคริดสีดวงจมูก ริดสีดวงจมูกโรคดังกล่าวพบได้ทุกเพศวัยโดยมักตรวจพบในช่วงอายุเฉลี่ยประมาณ 20-40 ปี โดย นายแพทย์อุทัย ประภามณฑล ผู้ชำนาญการศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียงแผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 ให้ความรู้ว่า ริดสีดวงจมูก เป็นการอักเสบเรื้อรังของ เยื่อบุภายในจมูกหรือภายในโพรงไซนัส ซึ่งเมื่ออักเสบบวมเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลานาน จนยื่นออกมาเป็นก้อน ก้อนดังกล่าวจะเรียกว่า ริดสีดวงจมูก ก้อนริดสีดวงจมูกอาจจะมีลักษณะสีขาว สีแดงโดยสีแดงที่ปรากฏนั้นแสดงว่าอาจจะยังมีการอักเสบหรือติดเชื้ออยู่และบาง ทีอาจจะเป็นสีเทา ซึ่งสาเหตุของโรคในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตามมีปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุร่วมกันซึ่งหากแยกเป็นข้อๆ พบได้ดังนี้คือ อาจมีการติดเชื้อ การอักเสบเป็นๆ หายๆ ตลอดเวลาส่งผลให้เยื่อจมูกและเยื่อบุไซนัสเกิดการบวม อีกทั้งสาเหตุน่าจะเกิดจากความผิดปกติของการตอบสนองของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือดและอีกสาเหตุเกิดจากภาวะความไวเกินของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงเยื่อบุจมูกและเยื่อบุไซนัสซึ่งทำให้เกิดการบวมของเยื่อบุจมูก นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากความผิดปกติของระบบไหลเวียนภายในจมูก อีกทั้งผู้ป่วยอาจมีโรคบางอย่างเช่น หอบหืด การแพ้ยาแอสไพรินซึ่งก็สามารถทำให้เกิดโรคได้ รวมทั้งสภาพแวดล้อม พันธุกรรมก็ทำให้เกิดโรคได้ร่วมด้วย ส่วนอีกสัญญาณของโรคมักพบในกลุ่มผู้ป่วยภูมิแพ้ซึ่งหากเป็นไซนัสอักเสบบ่อยเป็น ๆ หาย ๆ อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นของริดสีดวงจมูกก็เป็นไปได้มากกว่าคนปกติ แต่อย่างไรแล้วปัจจุบันการแพทย์มีความก้าวหน้าสามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้ด้วยกล้องขนาดเล็กซึ่งจะส่องเข้าไปในโพรงจมูกเพื่อตรวจวินิจฉัยซึ่งในวิทยาการนี้สามารถพบได้นับแต่ที่ยังมีขนาดเล็ก “ผู้ป่วยที่เป็นโรคริดสีดวงจมูกจะมาด้วยอาการแน่นจมูก เป็นหวัดบ่อย ๆ มีน้ำมูกไหลและถ้าก้อนริดสีดวงใหญ่มากจะไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้ บางครั้งอาจมีเลือดออกในจมูกร่วมด้วยซึ่งสิ่งนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง รีบรับการตรวจวินิจฉัยเพราะอาจจะเป็นโรคริดสีดวงจมูกหรืออาจจะเป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่ริดสีดวง ดังนั้นเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นก่อนที่จะลุกลามไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติในโพรงจมูกและบางกรณีแพทย์อาจจะตรวจทดสอบภูมิแพ้ร่วมด้วยเพื่อที่จะได้ทราบและหลีกเลี่ยง” ริดสีดวงจมูกพบได้หลายก้อนและมักพบทั้งสองข้างของโพรงจมูก มีทั้งขนาดก้อนใหญ่และเล็ก ทำให้ผู้ป่วยคัดแน่นจมูกซึ่งหากเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้หายใจลำบาก ต้องหายใจทางปาก มีอาการนอนกรนและหากปล่อยทิ้งไว้โดยผู้ป่วยไม่มาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา ก้อนริดสีดวงที่ใหญ่ขึ้นจะดันส่งผลให้จมูก และใบหน้าเปลี่ยนรูปไป ในบางรายถ้ามีไซนัสอักเสบร่วมด้วยอาจจะมีกลิ่นเหม็นในจมูก มีหนองไหล เสมหะมีสีขาวขุ่น เหลืองเขียว ปวดตื้อบริเวณแก้มหรือสันจมูกฯลฯ ซึ่งหากตรวจพบเร็วก็สามารถรักษาได้เร็วซึ่งโอกาสที่จะหายก็มีมาก ในส่วนของการรักษามีทั้ง การใช้ยาสเตียรอยด์ ซึ่งมีทั้งชนิดพ่น กินและฉีดซึ่งยาจะช่วยลดขนาดของริดสีดวงจมูกและป้องกันไม่ให้มีขนาดโตขึ้น นอกจากนี้รักษาด้วยวิธี การผ่าตัด รวมทั้งหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสริมที่กระตุ้นการเกิดโรค อย่างเช่น ถ้าเป็นภูมิแพ้ก็ควรรักษาโรคภูมิแพ้ แพ้แอสไพรินก็ควรหลีกเลี่ยงหรือถ้าเป็นหอบ หืดก็ควรดูแลรักษาสุขภาพ ฯลฯโดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย จากที่มีการศึกษารวบรวมสถิติไว้ ริดสีดวงจมูกจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุเฉลี่ย 20-40 ปี ส่วนที่พบที่อายุน้อยกว่านี้ต้องระวังมากขึ้นเพราะอาจจะกลายเป็นเนื้องอกชนิดอื่นที่ไม่ใช่ริดสีดวงจมูก ขณะเดียวกันถ้าพบในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีก็ต้องไม่นิ่งนอนใจอาจเกี่ยวเนื่องกับมะเร็ง ดังนั้นก่อนต้องเผชิญกับโรคดังกล่าวแพทย์ท่านเดิมให้คำแนะนำว่า หากมีอาการหวัดเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้งและเริ่มจะมีอาการดังที่กล่าวมา อย่านิ่งนอนใจควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแผนกหู คอ จมูกเพื่อได้รับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ ซึ่งหากมีความสัมพันธ์กับโรคอื่นไม่ว่าจะเป็นไซนัสอักเสบหรือในบางกรณีอาจมีเรื่องของหอบ หืดร่วมด้วยก็จะได้รับการรักษาทันท่วงที อีกทั้งในการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย ออกกำลังกายเป็นประจำและพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งหลีกไกลจากพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพก็จะช่วยให้หลีกไกลพ้นจากความเจ็บป่วยทั้งปวงอีกด้วย. |
รู้ทัน! สารพิษในเสื้อผ้า 'โนนิลฟีนอล' อันตรายมากกว่าปลากลายพันธุ์!
|
**ยางลบกะดินสอ..
**ยางลบกะดินสอ..
......
มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง
ฟังดูอาจตลกทุกคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กันแต่ลองอ่านดูก่อนนะ
ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
ยางลบจึงถามว่าทำไมล่ะ ดินสอจึงตอบกลับไปว่า
ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
ยางลบจึงเถียงว่า เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรก
มีแต่ รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับใจ
ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ
มันคิดถึงดินสอจับใจ
ทั้งคู่จึง กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี
ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด เท่านั้น
ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำดินสอ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆเท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวมันก็จะสกปรกแต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี
หรือ คือการให้อภัยนั่นเอง
ฉะนั้น
การเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ
คือ การจำแต่สิ่งดีๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบตอนหลังนะ
......
มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง
ฟังดูอาจตลกทุกคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กันแต่ลองอ่านดูก่อนนะ
ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
ยางลบจึงถามว่าทำไมล่ะ ดินสอจึงตอบกลับไปว่า
ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
ยางลบจึงเถียงว่า เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรก
มีแต่ รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับใจ
ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ
มันคิดถึงดินสอจับใจ
ทั้งคู่จึง กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี
ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด เท่านั้น
ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำดินสอ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆเท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวมันก็จะสกปรกแต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี
หรือ คือการให้อภัยนั่นเอง
ฉะนั้น
การเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ
คือ การจำแต่สิ่งดีๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบตอนหลังนะ
วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)