วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554
10 เทศกาลแปลกๆของโลก !!! อึ้งกันเลย
1. สงครามมะเขือเทศกลาย เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดงานหนึ่งของโลกในหลายเมืองของในสเปนจะจัดงาน "ลาโทมาติน่า"แต่ที่โด่งดังที่สุดก็ที่เมืองบูญอลในวันพุธสุดท้ายของเดือน สิงหาคมของทุกปีประกอบไปด้วยการแสดงดนตรี การจุดพลุ ที่สำคัญมีมะเขือหนักกว่า 300,000ปอนด์ถูกผู้ร่วมงานละเลงปาใส่กันอย่างสนุกสนาน
ที่มาของเทศกาลนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เริ่มมาตั้งแต่ปี 1944หรือไม่ก็ปี 1945บ้างก็บอกว่าเกิดขึ้นเพราะเป็นการแย่งชิงอาหารในหมู่เพื่อนๆการแสดงความ ไม่พอใจเมื่อนักเล่นดนตรีเล่นไม่ได้เรื่องหรือกระทั่งเป็นการชุมนุมต่อต้าน นายพล ฟรันซิสโก ฟรังโก ผู้นำจอมเผด็จการ
2. เทศกาลยูเอฟโอจัด ขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปีในเมืองโรสเวลล์ มลรัฐเม็กซิโกของสหรัฐฯซึ่งมีแฟนยูเอฟโอจากทั่วโลกจะมาชุมนุมกัน มีการประกวดแต่งชุดเอเลี่ยนการจะดอกไม้ไฟ รวมทั้งการเสวนาของแฟนพันธุ์แท้เรื่องยูเอฟโอเมืองโรสเวลล์กลายเป็นศูนย์ กลางของคนที่เชื่อว่ามีมนุษย์นอกโลกหลังจากในปี 1947 พบซากยานลึกลับในเมืองนี้
3. เมืองซอนกกายาวิ ประเทศฟินแลนด์เป็นสถานที่ "แข่งขันอุ้มเมียชิงแชมป์โลก"ใน ประจำเดือนกรกฎาคมของทุกปี การแข่งขันนี้เพิ่งเริ่มขึ้นในทศวรรษ 1990แต่คนท้องถิ่นบอกตลกๆ ว่ามันเริ่มมาชั่วนาตาปีแล้วเพราะเมื่อก่อนผู้ชายจะขโมยผู้หญิงจากหมู่บ้าน อื่นมาเป็นศรีภรรยาวันนี้รางวัลไม่ใช่ภรรยาและเป็นเบียร์น้ำหนักเท่าตัว ภรรยาของพวกเขา
ผู้ชายจะแบกภรรยาของตัวเอง หรือของเพื่อนบ้าน หรืออาจเป็นคู่รักเทคนิกการอุ้มมีหลายวิธี แต่ในภาพนี้เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดและก็สำเร็จมากที่สุดด้วยสถิติโลกที่ รอให้ทลายคือการอุ้มผ่านสิ่งกีดขวางระยะทาง 235.5 เมตรในเวลา55 วินาที
4. เทศกาลซานเฟอร์มินในเมืองปามโปลน่าประเทศ สเปน เป็นที่รู้จักสำหรับการวิ่งวัวกระทิง ใน 8 วันของเทศกาล 9 วันถนนในเมืองถูกสร้างสิ่งกีดขวางไว้ คนที่ร่วมแข่งขันแต่งชุดพื้นเมืองสีขาวผูกผ้าคลุมเอวและผ้าพันคอสีแดงรอ สัญญาณเตรียมวิ่งหนีการไล่ขวิดของวัวกระทิงที่ถูกปล่อยออกมาในถนนนั้นการ แข่งขันกินเวลาเพียง 2-3 นาที แต่ในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บเป็นร้อยอย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 1910 มีผู้เสียชีวิต 14 คน
5. ในเมืองเล็กๆ ชื่ออีเวรีย ประเทศอิตาลี ไม่ใช่การปามะเขือเทศแต่เป็นสงครามปาผลส้มระ หว่างงานคาร์นิวาล 3 วันจัดขึ้นในช่วงถือศีลบวช ชาวบ้านราว 3,000คนมารวมตัวกันที่ลานกลางเมืองที่มีประชากรไม่ถึง 25,000 คนนี้ เล่ากันว่าการปาส้มแป็นการรำลึกถึงการสู้รบต่อต้านจักรพรรดิผู้ข่มเหงกดขี่ ในศตวรรษที่12 ผู้ร่วมงานมารวมตัวกันตามถนนรอคอยขบวนกลุ่มอาสาสมัครเป็นศัตรูซึ่งใส่ชุดอัด นวมและหมวกป้องกันมาบนรถลากขณะที่ผู้ชมจะสวมหมวกหรือผ้าพันคอสีแดงเป ป็นสัญลักษณ์ว่าตัวเองไม่ใช่นักรบ
6. ในชนบทอันเงียบสงบและงดงามของอังกฤษ การแข่งกันเก็บชีสถูก จัดขึ้นในทุกเดือนพฤษภาคมผู้ท้างชิงไถลและล้มลุกคลุกคลานจากเขาที่สูงชัน เพื่อไล่ล่าชีสแห่งเมืองกลอสเตอร์หนัก 8 ปอนด์และทำเป็นรูปวงล้อผู้แข่งขันต้องเก็บชีสที่ปล่อยลงจากเนินเขาและมีความ เร็ว 70ไมล์ต่อชั่วโมงให้ได้ก่อนที่ชีสจะตกลงไปตีนเขาเชื่อว่าประเพณีย้อนไปใน อดีตเมื่อผู้คนในอดีตฉลองเวลาที่พระอาทิตย์เข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรมากที่สุด โดยวงล้อชีสนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์นั่นเอง
7. นับตั้งแต่ทศวรรษ 1600 เมืองคาสตริลโลเดมูร์เซีย ประเทศสเปนจัด "ฉลองเทศกาลโกลาโช"ด้วย ประเพณี่การกระโดดข้ามเด็กทารกเทศกาลลี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดสิ่งชั่ว ร้ายออกไปจากเมืองช่วงเดียวกับเทศกาลคอร์ปุสคริสตีของชาวคริสเตียนขบวน พาเหรดเป็นสัญลักษณ์การรวมกันของสิ่งชั่วร้ายมาในเมืองและพากพวกมันเข้าไป โบสถ์ และพื่อขับสิ่งชั่วร้ายของจากเด็กไร้เดียงสาเด็กทุกคนที่เกิดในปีที่แล้วจะ ถูกนำมานอนบนฟูกจากนั้นชายที่แสดงเป็นสิ่งชั่วร้าย หรือเอลโกลาโชก็จะกระโดดข้ามฟูกนั้นเพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งชั่วร้ายออกไป จากตัวเด็ก
8. เทศกาลแปลกประหลาดที่สุดของโลกไม่ใช่ของมนุษย์เท่านั้น ที่ลพบุรีของไทยเราเองก็จัดเทศกาลบุฟเฟต์สำหรับลิงกว่า600 ตัวที่อยู่ในเมืองนี้เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระรามที่ตบรางวัล ให้แห่หนุมานด้วยแผ่นดินที่กลายเป็นเมืองลพบุรี บุฟเฟต์หน้าวัดพระปรางสามยอดประกอบไปด้วยอาหารผักผลไม้สดๆ หลายร้อยกิโลกรัมพร้อมกับไอติมและเครื่องดื่มงานนี้กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม ในท้องถิ่นซึ่งเต็มใจอย่างยิ่งเพราะกิจกรรมนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือน เป็นประจำทุกปี
9. เทศกาลหน่อไม้ฝรั่งในเมืองเอมไพร์ใน มลรัฐมิชิแกน งานนี้อุทิศแด่หน่อไม้ฝรั่งโดยเฉพาะมิชิแกนเป็นผู้ผลิตหน่อไม้ฝรั่งมากที่ สุดในสหรัฐแต่เพราะมิชิแกนรู้จักในด้านศิลปะมากกว่าการเกษตรจึงจัดงานนี้ ขึ้นซึ่งรวมถึงกิจกรรมแปลกในทุกเดือนพฤษาภาคมมีขบวนพาเหรดแต่งตัวเป็น หน่อไม้ฝรั่ง การประกวดแต่งบทกวีหน่อไม้ฝรั่งมีงานเลี้ยงอาหารนานาชนิดจากพืชชนิดนี้และตบ ท้ายด้วยเบียร์ที่ทำมาจากหน่อไม้ฝรั่งด้วย
10. ในเกาหลีใต้ช่วงเดือนกรกฎาคมจะมีเทศกาลบอร์ยอง อันเป็นเทศกาลอาบโคลนที่ มีชื่อเสียงสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติดินโคลนจากทุ่งนาไม่ หางจากชายหาดไม่ดีนักสำหรับการเกษตรกรรมแต่กลับอุดมด้วยแร่ธาตุซึ่งกลายเป็น แหล่งทำเงินให้กับผู้ผลิตเครื่องสำอางแต่ละปีดินโคลนจะถูกขุดขึ้นมาและขนไป ยังชายหาดให้นักท่องเที่ยวกลิ้งเกลือกและอาบเล่นอย่างสนุกสนานในกองโคลนอัน บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นโอกาสดีเพราะปกติแล้วจะมีการจำกัดการใช้โคลนเพื่ออุตสาหกรรมความงาม มาก
อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1825055#ixzz1QWwgq7M6
วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554
Planking
About
Planking refers to the act of lying face down with arms to the sides in unusual public spaces and photographing it to share online. In form, it is nearly identical to the Lying Down Game, which became popular in the United Kingdom in 2010.
Origin
The phenomenon started to gain momentum across the country in March 2011, when the pro-rugby player David “Wolfman” Williams planked after a try during the Manly-Warringah Sea Eagles vs Newcastle Knights game held on March 27th, 2011[1].
The term “planking” was reportedly coined in 2008 by Paul Carran[2], a New Zealander living in Sydney, Australia. Born in Dunedin, Carran started planking after hearing about a similar game friends were playing in UK in 2008.
Precursors
Prior to the outbreak of “planking” in Australia, the act of lying down on the ground and photographing the scene has been documented before with the phenomenon known as Lying Down Game, which had a similar beginning as a Facebook group started by a group of friends in 2006. The game became quite popular in the United Kingdom during the summer of 2010, drawing participation from all over the country as well as overseas.
Though not directly related, Similar practices of “bizarre photograph poses” have been seen on the Korean web with Playing Dead in 2003 and the French art website “A plat ventre” (on one’s belly) in 2004.
Spread
The “planking” game quickly caught on with Australian youths, with the official Facebook page[3] gaining over 130,000 fans within the first week. There are numerous single topic blogs dedicated to hosting “planking” images submitted by participants, including BestPlank[4], PlankingMissions[5], iPlanking[6], Plank.it[7] and Planking.me[8] among others.
Google Insights for Search | |
Gadgets powered by Google |
Rules of Planking
According to the official Facebook page, the following rules should be kept in mind:1. You must always lay face down, ensuring your face remains expressionless for the duration of the Plank.
2. Your legs must remain straight, and together with toes pointed.
3. Your arms must be placed by your side, held straight and fingers pointed.
4. You must make it known that you are Planking. Saying ‘I am Planking’ usually get this across. Sternly announcing it will ensure a good result.
5. Your safety should always be considered. Properly thought through Planking procedures should always go to plan. Never put your self at undue risk.
6. Every Plank that is captured must be named.
Acton Beale’s Death
On May 15th, “planking” phenomenon became a highly controversial topic in the news media when Acton Beale, a 20 year old man, plunged to death from an attempt at “planking” on a seventh floor balcony is Brisbane, Australia.Australian Prime Minister Julia Gillard warned plankers that their “focus has to be on keeping yourself safe first”. The Queensland Opposition and the state’s police have called for people to stop participating in the fad.
New Zealand
The fad soon spread over to the neighboring island New Zealand, where it caused much concern for the authorities and educators. On May 19th, 2011, a student was caught planking on the ledge of a secondary school building in Central North Island. On May 25th, another student was caught planking on a railway line, in front of an oncoming train.Global Planking Day
On May 13th, 2011, American journalist Michelle McMurray wrote an article titled “First Annual Global Planking Day: May 25, 2011”[9] calling on readers to join the inaugural holiday of planking.
Google Insights for Search | |
Gadgets powered by Google |
วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554
หลุม กัวเตมาลา
หลุม กัวเตมาลา ภาพหลุมขนาดใหญ่หลังพายุอกาธ่าถล่ม!
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก allvoices.com, ctv.ca
พายุอกาธ่า ถล่มอเมริกากลาง สังเวยแล้ว 144 ชีวิต สูญหายอีกหลายพันคน น้ำท่วม-ดินถล่ม กลืนพื้นดินเป็นรูโหว่ยักษ์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พายุโซนร้อน "อกาธ่า" ได้พัดถล่มอเมริกากลางอย่างรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่ 29 พ.ค. ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 144 ราย สูญหายอีกหลายพันคน และประชาชนมากกว่า 94,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า กัวเตมาลา เป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจาก พายุอกาธ่า โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 120 ราย บาดเจ็บ 53 ราย และสูญหายมากกว่า 62 ราย โดยเฉพาะทางตะวันตกของประเทศ จังหวัดชิมัลเตนันโก้ เกิดดินถล่มฝังประชาชนตายหมู่ 60 ศพ นอกจากนี้ ภาวะพายุและน้ำท่วมยังกลืนพื้นดินเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เมตร ซึ่งชาวบ้านบอกว่า สาเหตุเกิดจากน้ำท่วมประกอบกับร้างระบบระบายน้ำที่ไมไม่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยในกัวเตมาลา เผยว่า ขณะนี้หน่วยกู้ภัยกำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากเชื่อว่ายังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากติดอยู่ใต้กองโคลนและซากปรักหักพังต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงพุ่งสูงขึ้นไปอีก
ขณะที่ประเทศ เอล ซัลวาดอร์ เกิดเหตุดินถล่มกว่า 179 แห่ง และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย ทางการต้องอพยพประชาชนกว่า 11,000 คน ส่วนในฮอนดูรัส มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ราย
สำหรับ พายุอกาธ่า เป็นพายุโซนร้อนลูกแรกของฤดูเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแปซิฟิกปีนี้ พัดขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลม 75 กิโลเมตร/ชั่วโมง ล่าสุด พายุอกาธ่า ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว อย่างไรก็ตาม พายุลูกดังกล่าว ก่อให้เกิดฝนตกต่อเนื่อง ทำให้กัวเตมาลามีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบหลายสิบปี และทางการยังคงวิตกว่า พายุอกาธ่า จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากกว่า พายุโซนร้อน "มิตช์" ที่พัดถล่มในปี พ.ศ.2541 และพายุเฮอร์ริเคน "สแตน" ในปี พ.ศ.2548
ภาพรายงานความเสียหายจาก พายุอกาธ่า
วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554
รายชื่อจังหวัดในประเทศไทยเรียงตามจำนวนประชากร (ข้อมูลวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี) ข้อมูลจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
■ : หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
■ : หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
■ : หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
■ : หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
อันดับ (ปีล่าสุด) | จังหวัด | ปี พ.ศ. 2546 | ปี พ.ศ. 2547 | ปี พ.ศ. 2548 | ปี พ.ศ. 2549 | ปี พ.ศ. 2550 | พ.ศ. 2551 | พ.ศ. 2552 | พ.ศ. 2553 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
— | กรุงเทพมหานครและปริมณฑล | 8,554,751 | 8,395,838 | 8,524,158 | 9,930,634 | 10,065,126 | 10,161,694 | 10,237,179 | 10,326,093 |
— | กรุงเทพมหานคร | 5,844,607 | 5,634,132 | 5,658,953 | 5,695,956 | 5,716,248 | 5,710,883 | 5,702,595 | 5,701,394 |
1 | นครราชสีมา | 2,591,050 | 2,539,344 | 2,546,763 | 2,555,346 | 2,552,894 | 2,565,117 | 2,571,292 | 2,582,089 |
2 | อุบลราชธานี | 1,805,322 | 1,763,061 | 1,774,808 | 1,728,529 | 1,785,709 | 1,795,453 | 1,803,754 | 1,813,088 |
3 | ขอนแก่น | 1,770,605 | 1,741,749 | 1,747,542 | 1,749,935 | 1,752,414 | 1,756,101 | 1,762,242 | 1,767,601 |
4 | เชียงใหม่ | 1,603,220 | 1,630,769 | 1,650,009 | 1,661,020 | 1,664,399 | 1,670,317 | 1,632,548 | 1,640,479 |
5 | บุรีรัมย์ | 1,554,009 | 1,524,261 | 1,531,430 | 1,536,045 | 1,536,070 | 1,541,650 | 1,546,784 | 1,553,765 |
6 | อุดรธานี | 1,542,071 | 1,518,502 | 1,523,802 | 1,526,722 | 1,530,686 | 1,535,629 | 1,538,940 | 1,544,786 |
7 | นครศรีธรรมราช | 1,531,072 | 1,500,343 | 1,504,420 | 1,509,378 | 1,506,997 | 1,513,163 | 1,516,499 | 1,522,561 |
8 | ศรีสะเกษ | 1,465,538 | 1,440,404 | 1,443,975 | 1,446,494 | 1,443,011 | 1,441,412 | 1,446,345 | 1,452,471 |
9 | สุรินทร์ | 1,406,612 | 1,371,429 | 1,374,700 | 1,375,567 | 1,372,672 | 1,375,560 | 1,377,827 | 1,381,761 |
10 | สงขลา | 1,294,442 | 1,281,509 | 1,302,421 | 1,314,395 | 1,324,915 | 1,335,768 | 1,343,954 | 1,357,023 |
11 | ชลบุรี | 1,157,111 | 1,142,985 | 1,172,432 | 1,205,574 | 1,233,446 | 1,264,687 | 1,289,590 | 1,316,293 |
12 | ร้อยเอ็ด | 1,322,389 | 1,310,250 | 1,310,672 | 1,309,939 | 1,308,589 | 1,307,212 | 1,308,159 | 1,309,708 |
13 | เชียงราย | 1,214,913 | 1,214,405 | 1,225,058 | 1,231,002 | 1,225,013 | 1,227,317 | 1,194,933 | 1,198,218 |
14 | สมุทรปราการ | 1,045,850 | 1,049,416 | 1,077,523 | 1,104,766 | 1,126,940 | 1,147,224 | 1,164,105 | 1,185,180 |
15 | ชัยภูมิ | 1,138,944 | 1,117,118 | 1,116,934 | 1,118,986 | 1,119,597 | 1,122,647 | 1,125,166 | 1,127,423 |
16 | สกลนคร | 1,113,720 | 1,101,619 | 1,104,106 | 1,108,624 | 1,113,064 | 1,116,034 | 1,118,449 | 1,122,905 |
17 | นนทบุรี | 924,890 | 942,292 | 972,280 | 996,072 | 1,024,191 | 1,052,592 | 1,078,071 | 1,101,743 |
18 | นครสวรรค์ | 1,126,739 | 1,077,458 | 1,077,808 | 1,075,573 | 1,073,683 | 1,074,239 | 1,072,868 | 1,073,495 |
19 | สุราษฎร์ธานี | 935,512 | 938,253 | 947,349 | 951,174 | 970,424 | 983,486 | 994,221 | 1,000,383 |
20 | เพชรบูรณ์ | 1,052,286 | 1,001,180 | 1,002,459 | 1,002,159 | 997,531 | 996,231 | 995,125 | 996,031 |
21 | ปทุมธานี | 739,404 | 769,998 | 815,402 | 856,790 | 896,843 | 929,250 | 956,376 | 985,643 |
22 | กาฬสินธุ์ | 994,600 | 971,293 | 973,556 | 975,276 | 977,508 | 978,583 | 980,158 | 982,578 |
23 | มหาสารคาม | 944,385 | 935,051 | 936,883 | 937,402 | 936,005 | 936,854 | 939,090 | 940,911 |
24 | นครปฐม | 812,404 | 798,016 | 808,961 | 820,704 | 830,970 | 843,599 | 851,426 | 860,246 |
25 | พิษณุโลก | 867,356 | 841,524 | 840,970 | 844,620 | 841,683 | 843,995 | 845,561 | 849,692 |
26 | สุพรรณบุรี | 868,681 | 840,055 | 842,613 | 843,868 | 842,584 | 844,498 | 844,590 | 845,850 |
27 | กาญจนบุรี | 797,339 | 810,265 | 826,169 | 835,927 | 835,282 | 840,905 | 833,423 | 839,776 |
28 | ราชบุรี | 833,734 | 815,077 | 823,494 | 828,779 | 831,438 | 835,861 | 844,962 | 839,075 |
29 | พระนครศรีอยุธยา | 751,259 | 740,397 | 746,919 | 753,986 | 760,712 | 769,126 | 775,157 | 782,096 |
30 | ลำปาง | 797,216 | 778,926 | 776,726 | 794,266 | 770,613 | 767,615 | 764,498 | 761,949 |
31 | ลพบุรี | 768,516 | 749,484 | 751,951 | 751,431 | 749,821 | 753,801 | 754,452 | 755,854 |
32 | นราธิวาส | 708,241 | 693,775 | 700,525 | 706,620 | 711,517 | 719,930 | 728,071 | 737,162 |
33 | กำแพงเพชร | 774,225 | 726,436 | 728,265 | 728,313 | 725,994 | 726,213 | 726,846 | 727,093 |
34 | นครพนม | 710,440 | 691,160 | 693,594 | 695,269 | 697,105 | 699,364 | 700,690 | 703,392 |
35 | ฉะเชิงเทรา | 652,501 | 643,432 | 647,610 | 653,731 | 658,966 | 664,830 | 668,983 | 673,933 |
36 | ปัตตานี | 634,619 | 629,861 | 634,376 | 636,164 | 637,806 | 642,169 | 647,624 | 655,259 |
37 | ระยอง | 556,733 | 543,887 | 559,135 | 572,254 | 583,470 | 598,664 | 612,095 | 626,402 |
38 | เลย | 624,087 | 610,472 | 612,422 | 613,070 | 615,538 | 618,423 | 620,780 | 624,066 |
39 | ตรัง | 608,044 | 596,087 | 602,045 | 607,078 | 610,332 | 614,869 | 618,675 | 622,659 |
40 | สระบุรี | 625,574 | 595,870 | 601,938 | 608,612 | 615,756 | 621,640 | 612,707 | 617,384 |
41 | สุโขทัย | 621,693 | 611,379 | 610,361 | 608,965 | 605,301 | 603,817 | 602,813 | 608,820 |
42 | พิจิตร | 597,882 | 560,427 | 558,794 | 558,012 | 554,740 | 554,112 | 553,193 | 552,690 |
43 | สระแก้ว | 541,441 | 536,204 | 536,977 | 538,492 | 539,137 | 541,425 | 542,451 | 544,100 |
44 | ยโสธร | 552,948 | 541,320 | 541,264 | 540,832 | 539,542 | 539,284 | 539,134 | 539,257 |
45 | ตาก | 498,714 | 515,877 | 522,197 | 531,712 | 530,928 | 538,330 | 519,662 | 525,684 |
46 | จันทบุรี | 511,587 | 494,001 | 498,159 | 502,392 | 504,003 | 508,020 | 511,246 | 514,616 |
47 | พัทลุง | 504,597 | 498,297 | 500,501 | 502,940 | 502,563 | 505,129 | 507,777 | 509,534 |
48 | หนองคาย | 913,275 | 895,722 | 896,099 | 899,033 | 902,618 | 906,877 | 907,250 | 509,395 |
49 | ประจวบคีรีขันธ์ | 492,480 | 479,688 | 486,797 | 493,946 | 494,588 | 500,378 | 504,063 | 509,134 |
50 | หนองบัวลำภู | 500,002 | 494,594 | 496,657 | 496,676 | 497,603 | 499,520 | 500,913 | 502,868 |
51 | สมุทรสาคร | 448,199 | 442,687 | 452,017 | 461,792 | 469,934 | 478,146 | 484,606 | 491,887 |
52 | ชุมพร | 477,116 | 472,068 | 475,763 | 478,956 | 481,298 | 484,722 | 487,744 | 489,964 |
53 | ยะลา | 465,446 | 459,868 | 464,121 | 461,792 | 470,691 | 475,527 | 480,334 | 487,380 |
54 | พะเยา | 501,509 | 488,343 | 486,889 | 486,476 | 486,579 | 487,386 | 487,120 | 486,304 |
55 | น่าน | 482,181 | 477,754 | 478,080 | 477,721 | 477,381 | 475,984 | 475,614 | 476,363 |
56 | ปราจีนบุรี | 453,935 | 445,944 | 449,621 | 453,263 | 454,988 | 459,379 | 461,854 | 466,572 |
57 | เพชรบุรี | 461,738 | 451,029 | 453,982 | 456,175 | 456,061 | 458,975 | 461,239 | 464,033 |
58 | อุตรดิตถ์ | 481,640 | 469,944 | 469,387 | 467,446 | 465,277 | 464,205 | 462,951 | 462,618 |
59 | แพร่ | 482,232 | 473,361 | 471,447 | 468,767 | 465,876 | 464,205 | 462,090 | 460,756 |
60 | กระบี่ | 384,416 | 387,752 | 395,665 | 402,559 | 410,634 | 418,705 | 426,556 | 432,704 |
61 | ลำพูน | 409,041 | 404,780 | 404,727 | 405,876 | 405,157 | 405,125 | 404,693 | 404,560 |
62 | บึงกาฬ | - | - | - | - | - | - | - | 403,542 |
63 | อำนาจเจริญ | 370,627 | 367,514 | 368,791 | 368,894 | 368,915 | 369,476 | 370,804 | 372,137 |
64 | ภูเก็ต | 278,480 | 285,901 | 292,245 | 299,768 | 315,498 | 327,006 | 335,913 | 345,067 |
65 | มุกดาหาร | 339,074 | 332,563 | 334,113 | 338,770 | 336,107 | 337,497 | 338,048 | 339,575 |
66 | ชัยนาท | 349,216 | 341,493 | 340,129 | 339,139 | 337,147 | 335,952 | 335,420 | 334,934 |
67 | อุทัยธานี | 339,483 | 326,001 | 326,731 | 335,359 | 326,975 | 327,586 | 327,871 | 327,959 |
68 | สตูล | 273,702 | 273,546 | 277,865 | 281,126 | 284,482 | 288,409 | 293,101 | 297,163 |
69 | อ่างทอง | 290,825 | 282,967 | 283,778 | 284,105 | 284,406 | 284,831 | 284,807 | 284,970 |
70 | พังงา | 240,725 | 239,064 | 241,442 | 245,295 | 246,887 | 249,933 | 251,657 | 253,112 |
71 | นครนายก | 251,877 | 248,592 | 250,779 | 250,140 | 248,496 | 250,753 | 251,683 | 252,734 |
72 | แม่ฮ่องสอน | 238,241 | 243,735 | 253,609 | 256,338 | 254,804 | 252,692 | 241,847 | 242,742 |
73 | ตราด | 225,021 | 217,950 | 219,135 | 220,472 | 220,543 | 221,827 | 220,008 | 220,921 |
74 | สิงห์บุรี | 222,728 | 220,121 | 217,744 | 217,055 | 215,653 | 215,551 | 215,299 | 214,661 |
75 | สมุทรสงคราม | 203,998 | 195,218 | 195,068 | 195,143 | 194,212 | 194,054 | 193,647 | 194,057 |
76 | ระนอง | 163,436 | 176,372 | 178,122 | 181,588 | 180,787 | 182,729 | 181,754 | 183,079 |
— | รวม | 63,079,765 | 61,973,621 | 62,418,054 | 62,828,706 | 63,038,247 | 63,389,730 | 63,525,062 |
วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554
Voltaire .......
ประวัติ
วอลแตร์เป็นคนมีการศึกษาดี ฉลาด มีไหวพริบ และมีความสามารถพิเศษทางวรรณศิลป์ เมื่อเขาเข้าศึกษาในโรงเรียนหลุยส์-เลอ-กร็อง (Louis-le-Grand) ที่มีชื่อของพระนิกายเยซูอิต ทำให้วอลแตร์มีความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ร่วมสมัย การเมือง ตลอดจนวรรณกรรมของนักเขียนกรีกโรมัน ซึ่งมีอิทธิพลทำให้เขามีรสนิยมแบบคลาสสิก เมื่อเขาจบการศึกษาวอลแตร์ก็ทำงานเป็นทนายความ แต่ความที่เขาเป็นคนหัวแข็งและชอบขบถ จึงไม่ชอบอาชีพนี้เลย เพราะเขาคิดว่าเป็นตำแหน่งที่ "ซื้อเอาได้" เขาอยากทำงานที่ "ไม่ต้องซื้อหา"
วอลแตร์หันมาเขียนหนังสืออย่างจริงจังเมื่ออายุได้ 20 ปี เขาชอบเขียนหนังสือประเภทเสียดสีสังคมอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะคบหาสมาคมกับชนชั้นสูงก็ตามแต่เขาก็ไม่ละเว้นที่จะโจมตีชนชั้นนี้ และในปี พ.ศ. 2260 (ค.ศ. 1717) เขาเขียนกลอนล้อเลียนผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จึงถูกส่งเข้าคุกบัสตีย์ ขณะที่อยู่ในคุกเขาเขียนบทละครโศกนาฏกรรมเรื่องแรกขึ้นชื่อ เออดิป (Œdipe) ในปี พ.ศ. 2261 (ค.ศ. 1718) เพื่อต่อต้านความเชื่อทางศาสนา ต่อต้านความเชื่อเรื่องโชคเคราะห์ และชะตาลิขิต และเพื่อเน้นความสำคัญทางเสรีภาพของมนุษย์ ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เมื่อนำออกแสดงภายหลังที่เขาพ้นโทษ ก็ส่งผลให้วอลแตร์มีฐานะทัดเทียมกับกอร์เนย (Corneille) และ ราซีน (Racine) นักเขียนบทละครโศกนาฎกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 17 และทำให้เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างหรูหราในราชสำนัก ต่อมาเขาได้ใช้ชื่อ วอลแตร์ (Voltaire) ซึ่งเป็นชื่อที่เขาคิดขึ้นแทนชื่อเดิม
ในปี พ.ศ. 2269 (ค.ศ. 1726) วอลแตร์ถูกขังคุกอีกครั้ง เนื่องจากมีเรื่องพิพาทกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งคือ ดุ๊ก เดอ โรอ็อง-ชาโบ (Duc de Rohan-Chabot) เมื่อออกมาจากคุกเขาถูกเนรเทศไปอังกฤษ (พ.ศ. 2269 - 2271) ทำให้เขาได้มีโอกาสศึกษาปรัชญาของ จอห์น ล็อก (John Locke) นักปราชญ์ชาวอังกฤษและผลงานของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) ที่มีอิทธิพลต่องานละครและผลงานอื่นของเขาในเวลาต่อมาเป็นอย่างมาก บทละครของวอลแตร์ที่ได้รับอิทธิพลจากเช็คสเปียร์ คือ Zaïre และ Brutus เพียงปีเดียวในประเทศอังกฤษ เขาก็มีผลงานเขียนเป็นภาษาอังกฤษชื่อ Essay Upon Epic Poetry นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2271 (ค.ศ. 1728) เขาก็ได้พิมพ์มหากาพย์ชื่อ La Henriade เพื่อสดุดีพระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในฐานะกษัตริย์ที่ทรงขันติธรรมในด้านศาสนา เนื่องจากทรงเป็นผู้บัญญัติ “L’Edit de Nantes” ซึ่งเป็นกฎหมายที่ช่วยให้สงครามระหว่างพวกคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ยุติลงได้ ซึ่งมหากาพย์นี้ไม่สามารถตีพิมพ์ในประเทศ ฝรั่งเศสเนื่องจากไม่เป็นที่พอใจของราชสำนัก รัฐสภา และพระสันตะปาปา
นอกจากนี้ วอลแตร์ยังนิยมความคิดของนิวตัน (Newton) นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก เขาแปลงานของนิวตัน และยังเขียนหนังสือว่าด้วยทฤษฎีของนักวิทยา-ศาสตร์ผู้นี้อีกหลายเล่ม วอลแตร์เห็นว่าแนวความคิดของนิวตันก่อให้เกิดการปฏิวัติในภูมิปัญญาของมนุษย์ เพราะนิวตันเชื่อว่าความจริงย่อมได้จากประสบการณ์และการทดลอง เขาไม่ยอมรับสมมติฐานใด ๆ โดยอาศัยสูตรสำเร็จโดยวิธีของคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว
เมื่อกลับประเทศฝรั่งเศสวอลแตร์ก็เขียนบทความโจมตีศาสนา เมื่อบาทหลวงปฏิเสธไม่ยอมทำพิธีให้กับนักแสดงละครหญิงซึ่งรับบทแสดงเป็นราชินีโจคาสต์ ในละครเรื่อง Œdipe นับตั้งแต่นั้นมาวอลแตร์จึงโจมตีเรื่องอคติ และการขาดขันติธรรมของศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกอยู่เสมอ แม้จะถูกตักเตือนและถูกข่มขู่จากผู้มีอำนาจเซ็นเซ่อร์งานเขียนของเขา แต่วอลแตร์ก็ไม่เคยเกรงกลัว นอกจากนี้เขายังเปิดโปงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง
เขาเกือบถูกจับอีกครั้งเมื่อพิมพ์หนังสือชื่อ จดหมายปรัชญา (Les Lettres philosophiques หรือ Lettres anglaises) ออกมาในปี พ.ศ. 2277 (ค.ศ. 1734) จดหมายปรัชญา มีทั้งความคิด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่เขียนด้วยโวหารที่คมคาย พร้อมด้วยการเสียดสีที่ถากถาง วอลแตร์วิพากษ์วิจารณ์ทั้งศาสนา การเมือง วิทยาศาสตร์ ปรัชญา และจบลงด้วยการวิจารณ์แบลส ปาสกาล (Blaise Pascal) นักคิดคนสำคัญทางด้านศาสนาในศตวรรษที่ 17 ผลงานชิ้นนี้ทำให้วอลแตร์กลายเป็นนักปราชญ์ที่ไม่เคยทำให้ผู้อื่นเบื่อ เป็นงานที่ลีลาการเขียนเฉพาะตัวของเขาเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และด้วยหนังสือเล่มนี้ทำให้เขาต้องหนีไปอยู่ที่วังซีเร (Cirey) ของมาดาม ดูว์ ชาเตอเล (Madame du Châtelet) ในแคว้นลอแรนน์ หล่อนเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์และทรงความรู้ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันยาวนานถึง 17 ปี วอลแตร์รักหล่อนมาก นับว่าหล่อนเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญอีกคนหนึ่ง
ตลอดเวลาที่พักอยู่วังซีเร วอลแตร์จะเขียนหนังสืออยู่ไม่หยุด และจะสนใจศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์ด้วย เขามีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ปรัสเซีย ซึ่งเขาได้กลายเป็นคนโปรดของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่งปรัสเซีย (Frederic II roi de Prusse) ในปี พ.ศ. 2288 (ค.ศ. 1745) วอลแตร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักประวัติศาสตร์แห่งชาติ และปีต่อมาก็ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกบัณฑิตยสถานของฝรั่งเศส (l’Académie française) และยังได้รับบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางอีกด้วย จากการที่วอลแตร์เป็นคนที่มีความสามารถ เขาจึงได้กลายเป็นที่โปรดปรานของมาดาม เดอ ปงปาดูร์ (Madame de Pompadour) พระสนมเอกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แต่อย่างไรก็ตามชีวิตของเขาก็เริ่มตกอับ กล่าวคือเขาเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตในราชสำนักที่มีแต่การเอารัดเอาเปรียบ การแก่งแย่งชิงดี ประจบสอพลอ อีกทั้งมาดาม เดอ ปงปาดูร์ ก็หันไปโปรดกวีคนใหม่คือ เครบียง (Crébillon) และยิ่งร้ายไปกว่านั้นในปี พ.ศ. 2292 (ค.ศ. 1749) มาดาม ดูว์ ชาเตอเล ก็ได้เสียชีวิตลง วอลแตร์จึงรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างมาก ชะตาชีวิตระหว่างปี พ.ศ. 2286-2290 นี้ นับเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งนวนิยายเชิงปรัชญาที่สำคัญ คือ ซาดิก (Zadig ou La Destineé) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2291 (ค.ศ. 1748)
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2293 (ค.ศ. 1750) เขาได้รับเชิญจากพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ให้ไปอยู่ในราชสำนัก ระหว่างที่พักอยู่ที่ราชสำนักเบอร์ลินเขาได้ตีพิมพ์ผลงานที่สำคัญสองเรื่อง คือ ศตวรรษพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Le Siècle de Louis XIV) และนิทานปรัชญาเรื่อง มีโครเมกา (Micromégas) ต่อมาไม่นานวอลแตร์กลับได้พบความผิดหวังในตัวพระองค์อย่างรุนแรง เพราะพระองค์ทรงเห็นวรรณคดีและปรัชญาเป็นเพียงเครื่องเล่นประเทืองอารมณ์เท่านั้น อีกทั้งพระองค์ทรงเล่นการเมืองด้วยความสับปลับ และเมื่อมีปัญหากับพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 2 วอลแตร์ก็ได้ไปตั้งรกรากอยู่ในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่คฤหาสน์เลเดลิส (Les Délices) และอยู่ที่นั่นกับหลานสาวชื่อมาดามเดอนี (Madame Denis) ซึ่งมีความสัมพันธ์กันมาได้สิบปีแล้ว ในปี พ.ศ. 2300 วอลแตร์ซื้อคฤหาสน์ใหม่ที่แฟร์เน (Ferney) ในประเทศฝรั่งเศสติดชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ และเขาได้เริ่มเขียนนิทานปรัชญาเรื่อง ก็องดิดด์ หรือ สุทรรศนนิยม (Candide ou L’optimisme) ในปีต่อมา ซึ่งถือกันว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาอีกเรื่องหนึ่งเลยที่เดียว ผลงานชิ้นนี้ได้ยืนยันความเป็นปราชญ์ของวอลแตร์ ผู้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความคิดวิพากษ์ วิจารณ์ในศตวรรษที่18 ได้เป็นอย่างดี
ระหว่างในปี พ.ศ. 2305 – 2308 วอลแตร์ได้ช่วยเหลือครอบครัวกาลาส (Calas) โดยการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ ฌ็อง กาลาส ผู้เป็นบิดาซึ่งถูกตัดสินลงโทษจนเสียชีวิต จากข้อกล่าวหาว่าฆ่าลูกชายที่ประสงค์จะเปลี่ยนไปนับถือนิกายคาทอลิก เขาจึงได้เขียน บทความว่าด้วยขันติธรรม (Traité sur la tolérance)
ในปี พ.ศ. 2306 ซึ่งพูดถึงการยอมรับศาสนาที่แตกต่างกันออกไปเพื่อช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวกาลาส เหตุที่เขาเข้าไปช่วยเพราะเขาเห็นว่าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการลงโทษประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ และคำตัดสินใหม่ก็ทำให้ตระกูลกาลาสพ้นผิด ภรรยาและบุตรธิดาของฌอง กาลาสก็ได้รับทรัพย์สมบัติของตระกูลคืน จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้วอลแตร์เปรียบเสมือนวีรบุรุษแห่งตำนาน เป็นประทีปแห่งปัญญาที่ไม่เคยมีปัญญาชนคนใดเคยทำมาก่อน
ช่วงนี้วอลแตร์ก็ยังมีผลงานคือ ปทานุกรมปรัชญา (Le Dictionnaire Philosophique) ในปี พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) อีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะมีความขัดแย้งกับผู้คนจำนวนมาก เพราะความกล้าที่จะเสียดสีสังคมของเขา แต่ในตอนบั้นปลายชีวิตของวอลแตร์ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างทรงเกียรติ เมื่อเดินทางกลับมายังกรุงปารีส ซึ่งโรงละครกอเมดีฟร็องแซซ (La Comédie Française) จัดแสดงละครโศกนาฏกรรมเรื่องสุดท้ายที่วอลแตร์แต่งคือ อิแรน (Irène) เพื่อฉลองการกลับมาถึงกรุงปารีสของเขา โดยที่ช่วงก่อนการแสดง ช่วงสิ้นสุดแต่ละองค์ และช่วงจบการแสดง นักแสดงได้นำรูปปั้นครึ่งตัวของวอลแตร์ขึ้นบนเวที ฝูงชนก็ตบมือและส่งเสียงเรียกชื่อของเขาดังกึกก้อง
ศตวรรษต่อมาวิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) กล่าวว่า "วอลแตร์ คือ 1789" เพราะความคิดของวอลแตร์มีอิทธิพลต่อประชาชนผู้ลุกฮือขึ้นมาทำการปฏิวัติใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2332 จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เมื่อวอลแตร์เสียชีวิตไปในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2321 (ค.ศ. 1778) ขณะที่มีอายุได้ 84 ปีนั้น ทางศาสนาไม่อยากทำพิธีศพให้ แต่เมื่อประชาชนทำการปฏิวัติได้สำเร็จ ก็ได้นำอัฐิของเขาไปยังวิหารป็องเตอง (Le Panthéon) ในปี 1791 ในฐานะผู้ที่ประกอบคุณอนันต์ให้แก่ประเทศฝรั่งเศส
ผลงานของวอลแตร์
ผลงานของวอลแตร์มีจำนวนมากมาย หลากหลายประเภททั้งบทละคร นิยาย นิทานเชิงปรัชญา ประวัติศาสตร์ และบทกวี เขาได้รับยกย่องจากคนร่วมสมัยว่าเป็นนักเขียนบทละครชั้นนำและกวีชั้นนำ แต่ในปัจจุบันเขากลับเป็นที่ยกย่องในฐานะนักเขียนเชิงเสียดสี วิพากษ์วิจารณ์ (Le symbole de l’esprit critique) ผลงานของเขาส่วนใหญ่เป็นการเผยแพร่ความคิดทางปรัชญาไปสู่สาธารณชน เพื่อปลุกความคิดวิพากษ์วิจารณ์ให้แก่ชาวฝรั่งเศส เพื่อต่อต้านความคิดระบบสถาบันแบบเก่า การต่อสู้เพื่อขจัดความอยุติธรรมในสังคม รวมทั้งความเชื่อที่งมงายและความบ้าคลั่งทางศาสนา นอกจากนี้เขายังส่งเสริมเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพและการแสดงความคิดเห็นอีกด้วยอิทธิพลของวอลแตร์
ผลงานตลอดชีวิตของวอลแตร์ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความคิดวิพากษ์วิจารณ์” (L‘esprit critique) แก่ชาวฝรั่งเศสโดยรวม ความคิดวิพากวิจารณ์นี้ทำให้ชาวฝรั่งเศสตั้งคำถามต่อทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ที่ปรากฏในสังคมของตน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสถาบันการเมืองการปกครอง โดยเขาได้โจมตีระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สถาบันกษัตริย์ การใช้อำนาจตามอำเภอใจของกษัตริย์ สถาบันศาสนา โจมตีคำสอนความเชื่อที่งมงาย เป็นต้นวอลแตร์ได้นำหลักการใช้เหตุผล (L’esprit scientifique) มาแพร่หลายให้แก่ประชาชน เพื่อมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการใช้เหตุผลแก้ปัญหา และรู้จักคิดพิจารณาก่อนจะเชื่ออะไรง่าย ๆ เขาใช้ผลงานของเขามาเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่แนวความคิดทางปรัชญาและนำไปสู่สาธารณชน เพื่อทำให้ประชาชนได้เห็นได้เข้าใจและตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้น ซึ่งแนวคิดและความรู้เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนกับแสงสว่างทางปัญญาให้แก่ประชาชน วอลแตร์จึงเป็นผู้ที่มีส่วนทำให้ประชาชนมีเสรีภาพทางความคิดและทำให้ผู้คนสนใจการเมืองการปกครองแบบอังกฤษ
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าวอลแตร์มีอิทธิพลต่อคริสตวรรษที่ 18 เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและศาสนา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “การปฏิวัติฝรั่งเศส พ.ศ. 2332”
อ้างอิง
- ข้อมูลโดย นักศึกษาสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาควิชาภาษาตะวันตก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วิชาประวัติวรรณคดีฝรั่งเศส 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2548
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)